ยาเทโนโฟเวียร์และความเสี่ยงต่อการทำงานของไตบกพร่องในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ โรงพยาบาลกระบี่

บทคัดย่อ

          ยาเทโนโฟเวียร์ถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ในประเทศไทยกันอย่างแพร่หลาย มีการศึกษาพบว่ายามีโอกาสทำให้การทำงานของไตบกพร่อง แต่ข้อมูลในประเทศไทยยังมีน้อย การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาโอกาสการเกิดความเสี่ยงต่อการทำงานของไตบกพร่อง ในกลุ่มผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่ได้รับยาเทโนโฟเวียร์ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงร่วมอื่น ๆ การศึกษาเป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์โดยการรวบรวมข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี ของกลุ่มผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ผู้ใหญ่ จำนวน 299 ราย ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกระบี่และได้รับยาต้านไวรัสเทโนโฟเวียร์เป็นส่วนผสมในสูตรยา
          ผลการศึกษาพบว่า มีผู้ป่วยจำนวน 17 ราย (ร้อยละ 5.68) ที่มีการลดลงของค่า eGFR มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 25 ของค่าเริ่มต้น คิดอัตราการเกิดประมาณ 4 คนต่อผู้ป่วย 100 คน ในเวลา 1 ปี นอกจากนี้ยังพบว่า การให้ยาเทโนโฟเวียร์ร่วมกับยาในกลุ่ม Protease inhibitors การให้ยาเทโนโฟเวียร์ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคร่วม ความดันเลือดสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูงการให้ยาเทโนโฟเวียร์ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีระดับเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ต่ำกว่า 230 cell/mm3 และการให้ยาเทโนโฟเวียร์ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีค่า eGFR เริ่มต้นน้อยกว่า 60 ml/min/1.73 m2 มีผลทำให้มีการลดลงของค่า eGFR มากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 25 ของค่าเริ่มต้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P-value <0.05)
          การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ายาเทโนโฟเวียร์มีโอกาสเกิดความเสี่ยง ทำให้การทำงานของไตบกพร่อง รวมถึงการมีปัจจัยเสริมอื่น ๆ เช่น โรคร่วม ระดับ eGFR และยาต้านไวรัสร่วมในสูตร มีผลเพิ่มความเสี่ยงในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว แม้ว่าปัจจุบันแนวทางการรักษาผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ของประเทศไทย จะแนะนำยาเทโนโฟเวียร์เป็นยาลำดับแรก ๆ ก็ตาม แต่ควรเพิ่มความระมัดระวังผลกระทบต่อการทำงานของไตบกพร่องให้มากขึ้น