การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะลุกลาม

ผู้แต่ง

  • สุรภา สายแก้ว สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  • ยุพิน ถนัดวณิชย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  • วัลภา คุณทรงเกียรติ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

คำสำคัญ:

ผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะลุกลาม, พยาบาล, การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบพรรณนา เพื่อศึกษาการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วย โรคมะเร็งในระยะลุกลาม ผู้ให้ข้อมูลได้ถูกคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง คือ เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งในระยะ ลุกลามที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งชลบุรี จังหวัดชลบุรี ที่ได้รับการประเมินด้วย Palliative Performance Scale version 2 (PPS v2) ได้คะแนน ≤ 60 % จำนวน 20 ราย และใช้วิธีสัมภาษณ์แบบเจาะลึกกึ่งมีโครงสร้างในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา

ผลการวิจัยพบว่า การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะลุกลาม มี 4 ประเด็นหลัก คือ 1) ลักษณะของการสื่อสาร (ประกอบด้วย 2 ลักษณะ คือ ลักษณะของการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และลักษณะ ของการสื่อสารที่ไม่มีประสิทธิภาพ) 2) ลักษณะของพยาบาลสำหรับการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (มี 3 ลักษณะ ได้แก่ มีจิตใจที่ให้ บริการ มีการแสดงออกถึงการให้กำลังใจผู้ป่วย และมีบุคลิกภาพที่น่าเชื่อถือ) 3) อุปสรรคในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (มี 3 ด้าน ได้แก่ ผู้ป่วย พยาบาล และภาระงานที่มากของพยาบาล) และ 4). การพัฒนาการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (มี 2 ด้านได้แก่ ทักษะ การสื่อสารเพื่อดูแลด้านจิตใจ และการอธิบายรายละเอียดของเนื้อหาการสนทนาสำหรับข้อมูลการเจ็บป่วย) ผลการวิจัยครั้งนี้แสดง ให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะลุกลามมีความต้องการการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจากพยาบาลและจำเป็นต้องแสดงออกมาทั้งในรูปคำพูดและท่าทาง การพยาบาลต้องจัดการกับอุปสรรคที่ขัดขวางการสื่อสารมีประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกันการสื่อสารเพื่อ การดูแลด้านจิตใจต้องมีการพัฒนาปรับปรุงเพิ่มมากขึ้น

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

American Cancer Society. Global Cancer Facts & Figures 2nd ed. Atlanta: American Cancer Society; 2011.

Mazanec P, Daly BJ, Ferrell BR, & Prince-Paul M. Lack of communication and control: Experiences of distance caregivers of parents with advanced cancer. Oncology Nursing Forum. 2011; 38(3): 307-313.

Thongpratheep T. Nursing: Mourners sufferings in End-of life Care patient. 3rd ed. Bangkok Wee Printing; 2010. (in Thai)

Bruinessen IR. Barriers and facilitators to effective communication experienced by patients with malignant lymphoma at all stages after diagnosis. Psycho-Oncology. 2013; 22: 2807-2814.

Waldrop AP, & Meeker MA. Communication and advanced care planning in palliative and end-of-life care. The Journal of the American Academic of Nursing. 2012; 60(6): 337-422.

Tay LH, Ang E, & Hegney D. Nurses’ perceptions of the barriers in effective communication with inpatient cancer adults in Singapore. Journal of Clinical Nursing. 2012; 21: 2647- 2658.

Dahlin M. Communication in palliative care: An essential competency for nurses. In Oxford textbook of palliative nursing. New York: Oxford University Press; 2010.

Oumtanee A. Qualitative research in nursing. 2nd ed. Faculty of Nursing Chulalongkorn University Bangkok. 2010. (in Thai)

Anchalee C., Tatiya T. Therapeutic Communication Skills for Nurses. Journal of The Royal Thai Army Nurses 2018; 19(Supplement): 25-33. (in Thai)

Buckman R. Breaking bad news: The S-P-I-K-E-S strategy. Psychosocial oncology. 2005; 2(2): 138-142.

Boonnun J, Chandhanayingyong C, Phimolsarnti R, Asavamongkolkul A, & Boonnuch C. Primary-Stage Bone Cancer Patients’ Preferred and Received Methods of Diagnosis Notification. Thai Journal of Nursing Council 2012; 27(4): 123-137. (in Thai)

Maskor NA, Krauss SE, Muhamad M, & Mahmood NH K. Communication competencies of oncology nurses in Malaysia. Asian Pacific Journal of Cancer Prevention 2013; 14: 153-158.

Moore C. Florence Nightingale: The lady with the lamp. London: Bookmarque, Croydon, Surrey 2004.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

27-08-2020

รูปแบบการอ้างอิง

1.
สายแก้ว ส, ถนัดวณิชย์ ย, คุณทรงเกียรติ ว. การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างพยาบาลและผู้ป่วยโรคมะเร็งในระยะลุกลาม. J Royal Thai Army Nurses [อินเทอร์เน็ต]. 27 สิงหาคม 2020 [อ้างถึง 6 ธันวาคม 2025];21(2):93-101. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JRTAN/article/view/244644

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย