การศึกษาเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในเลือดกลุ่มผู้สูงอายุที่บริโภค และไม่บริโภคข้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ

ผู้แต่ง

  • นุจรินทร์ กั้วพิศมัย ไดมอนด์โฮมแคร์ ปทุมธานี
  • ไพลิน นุกุลกิจ มหาวิทยาลัยปทุมธานี
  • วิวรรธน์ จันทร์แพทย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
  • ณัฐกิจพัฒน์ หอมวิจิตรกุล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

คำสำคัญ:

พฤติกรรมการบริโภค, ค่าดัชนีระดับน้ำตาลในเลือด, ผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental Design) แบบ Nonequivalent Control Groups ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ศึกษาเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มผู้สูงอายุ เมื่อได้รับข้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (ผลิตภัณฑ์ข้าวนึ่ง ALLOVE) กลุ่ม ตัวอย่างผู้สูงอายุ ที่รับบริการที่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกเครือข่ายสมาคมผู้ประกอบการดูแลผู้สูงอายุ 6 แห่ง จำนวน 67 คน คัดเลือกตามเกณฑ์กำหนดด้วยวิธีการสุ่มแบบหลายขั้นตอน แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มทดลองจำนวน 41 คน และกลุ่มควบคุม จำนวน 26 คน รวบรวมข้อมูลโดยใช้บันทึก ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ก่อนการทดสอบและหลังการทดสอบแล้วนำมาวิเคราะห์ ด้วยสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติค่า t-test ผลการวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 60 -70 ปี มีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 60 -70 กิโลกรัม ส่วนสูงเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 150-170 เซนติเมตร ในการทดสอบกลุ่มทดลองในครั้งแรก พบว่า มีค่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก (148.19 mg/dl) เมื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยใช้ข้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (ผลิตภัณฑ์ข้าวนึ่ง ALLOVE) ในระยะเวลาที่ กำหนด มีแนวโน้มที่จะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้เฉลี่ยถึง 1 ใน 4 (40.31 mg/dl) จากค่าระดับน้ำตาลเดิม ส่วนการทดสอบ ค่าระดับน้ำตาลในเลือดของผู้สูงอายุในกลุ่มทดลอง ครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 และ ครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 3 (26.92,40.31 mg/dl) แตกต่าง กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01 ในขณะที่ค่าระดับน้ำตาลในเลือดของผู้สูงอายุ ในกลุ่มทดลองครั้งที่ 2 กับครั้งที่ 3 (13.39 mg/dl) ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

Thailand Development Research Institute, 2009 (in Thai)

Centers for Disease Control and Prevention (2011).Prevalence of diabetes. Retrieved November 20, 2012

Institute Of Geriatric Medicine Department of Medical Services, Ministry of Public Health. Aging society (2009). Retrieved June 20, 2018 (In Thai)
College of Population Studies, Chulalongkorn University (2010). Retrieved June 20, 2018 (In Thai)

Bureau of Epidemiology, Department of DiseaseControl Ministry of Public Health (2012). Chronic Diseases Surveillance Report, 2011. Weekly Epidemiological Surveillance Report 43rd (17) Week. 4-5 (in Thai)

World Health Organization. (2016 a). Fact sheet no. 138. Retrieved December 25, 2016 7. World Health Organization. (2016 b). Global report on diabetes. Retrieved December 25,2016

Ngerntip, T. (2010). The Effect of Knowledge and Experience Sharing for Eating Behavior Modification of Typr 2 Diabetic Patients in Kamalasai Hospital Kalasin Province. Journal of Nutrition, 45(1),175-185. ( in Thai)

Burns, N. Grove, S. (1997). The Practice of Nursing Research: Conduct,Critique and Utilization. 3rded n.WB Saunders Company, Philadelphi. 10. Woraphongsathorn, T. (2000). PublicHealth Research (4thed) Bangkok: Chulalongkorn University Press

Authayanin, W. Bumrourach, S. Nimsuntorn, K. (2013). Herb usage among diabetic patients : primary data for developing diabetic care system in amphur Huaytalang community health development quarterly khon kaen university 1/1 (April-June 2013) (in Thai)

Thongsumrit, D. Borisut, K. Meebunmak, Y. (2017). Effect of Health Behavior Modifying Program on Ability of Self-care among Risk Group of Diabetes Mellitus in Watphleng Subdistrict, Watphleng District, Ratchaburi Province journal of phrapokklao nursing college 28/1 January-June2017

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

30-08-2018

รูปแบบการอ้างอิง

1.
กั้วพิศมัย น, นุกุลกิจ ไ, จันทร์แพทย์ ว, หอมวิจิตรกุล ณ. การศึกษาเปรียบเทียบระดับน้ำตาลในเลือดกลุ่มผู้สูงอายุที่บริโภค และไม่บริโภคข้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ. J Royal Thai Army Nurses [อินเทอร์เน็ต]. 30 สิงหาคม 2018 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];19:156-63. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JRTAN/article/view/156061

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย