ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ เจตคติ และการรับรู้ทักษะ ด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยของนักเรียนพยาบาลทหารอากาศชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยพยาบาลทหารอากาศ
คำสำคัญ:
ความปลอดภัยของผู้ป่วย, การรับรู้ทักษะด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย, นักเรียนพยาบาลทหารอากาศบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความรู้ เจตคติและการรับรู้ทักษะด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย และ ความสัมพันธ์ของความรู้ เจตคติและการรับรู้ทักษะด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยของ นพอ.ชั้นปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนพยาบาล ทหารอากาศชั้นปีที่ 4 จำนวน 46 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถามความรู้ เจตคติ และการรับรู้ทักษะด้านความปลอดภัย ของผู้ป่วย การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธของเพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้ด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยอยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 54.5 เจตคติ อยู่ในระดั บดี คิ ดเป็นร้อยละ 56.5 และการรั บรู้ทั กษะด้านความปลอดภั ยของผู้ป่วยอยู่ในระดั บดี คิ ดเป็นร้อยละ 47.8 ความสั มพั นธ์ ระหว่างเจตคติและการรับรู้ทักษะด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r= 0.77, p < 0.05) ส่วนความรู้ไม่สัมพันธ์กับเจตคติและการรับรู้ทักษะด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย (r = 0.27, r = 0.18, p > 0.05 ตามลำดับ) ผลการวิจัยสามารถนำไปพัฒนาการจัดการเรียนการสอนโดยส่งเสริมความรู้ด้วยการสร้างสถานการณ์จำลองที่มุ่งให้เกิดการคิด วิเคราะห์เหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่ต้องใช้ความรู้เพื่อการอธิบายสาเหตุของความผิดพลาด การสอนให้เกิดเจตคติทางบวกและ การ รับรู้ทักษะด้านความปลอดภัยของผู้ป่วยโดยการวิเคราะห์สถานการณ์ที่บ่งบอกถึงสถานการณ์ความปลอดภัยของผู้ป่วยและสามารถ ดึงความสนใจที่ช่วยส่งเสริมเจตคติทางบวกและการรับรู้ทักษะความปลอดภัยของผู้ป่วย
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. The Healthcare Accreditation Institute (Public Organization). The WHO Multi-professional patient Safety Curriculum Guide. (Thai Version). Nonthaburi: The Healthcare Accreditation Institute (Public Organization); 2016.
3. Phutharangsi S., & Seephom S. Study of the relationship between selected factors and perioperative nurses’ competencies in Thailand. Journal of the Royal Thai Army Nurses; 2017, 18(1): 94-103. (in Thai)
4. Bloom, B.S. Taxonomy of education objective: The classification of educational goals: Handbook II: Affective domain. New York: David Mckay; 1964.
5. Soowit B., Thummak S. The Relationships among Knowledge, Attitude, and Preparing to ASEAN Community among Nursing Students, Kuakarun Faculty of Nursing, Navamindradhiraj University. Kuakarun Journal of Nursing; 2014, 21(1): 84-99. (in Thai)
6. Bloom, B.S. Taxonomy of Education. David McKay Company Inc.: New York. 1975.
7. Taro Yamane. Statistics: An Introductory Analysis. 3rd ed. New York: Harper and Row Publications. 1973.
8. Boonbumroe S. Work safety behaviors of nurse in Maharat Nakhon Ratchasima hospital, Naknon ratchasima. The Journal of Boromarajonani
College of Nursing, Nakhonratchasima 2014, 20(2): 82-92. (in Thai)
9. Kaewphumhae W. Factors relating to the use of appropriate and safety drug behaviors of village health volunteer. Region 11 Medical Journal 2014, 15(2): 66-77. (in Thai)
10. Chaleoykitti S., Kamprow P., Promdet S. Patient safety and quality of nursing service. Journal of the Royal Thai Army Nurses; 2017, 18(1): 94-103. (in Thai)
11. Chukaew S., Sirapo-ngam Y., Prapaipanich W. Knowledge, Attitude, and practice perceived by nurses in helping and promoting caregivers’ health. Ramathibodi Nursing Journal 2012, 18(2): 249-258. (in Thai)
12. Napradit A. Knowledge Attitudes and Practices of Standard Precaution among Personnel. Journal of Prapokklao Hospital Clinical Medical Education Center; 2016, 33(1): 6-19.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความหรือข้อคิดเห็นใดใดที่ปรากฏในวารสารพยาบาลทหารบกเป็นวรรณกรรมของผู้เขียน ซึ่งบรรณาธิการหรือสมาคมพยาบาลทหารบก ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลทหารบก
The ideas and opinions expressed in the Journal of The Royal Thai Army Nurses are those of the authors and not necessarily those
of the editor or Royal Thai Army Nurses Association.
