ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง ค่าระดับน้ำตาล น้ำตาลสะสม และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา: งานวิจัยในรูปแบบสุ่มที่มีการควบคุม

ผู้แต่ง

  • อ่อนน้อม ธูปะวิโรจน์ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
  • พิราลักษณ์ ลาภหลาย โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
  • กาญจน์ จิรธนา โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

คำสำคัญ:

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ, การจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง, คุณภาพชีวิตผู้ป่วยเบาหวาน

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง ค่าระดับน้ำตาล น้ำตาลสะสม และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา

วิธีการศึกษา: งานวิจัยครั้งนี้เป็นงานวิจัยเชิงทดลองในรูปแบบสุ่มที่มีการควบคุม โดยใช้กรอบแนวคิด Trans-Theoretical Model (TTM) ในการพัฒนาโปรแกรมฯ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวน 100 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลองจำนวน 50 รายจะได้รับการดูแลแบบปกติและโปรแกรมฯที่พัฒนาขึ้น และกลุ่มควบคุมจำนวน 50 รายจะได้รับการดูแลตามปกติ เลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย ประเมินผลโปรแกรมฯ จากการตอบแบบสอบถามของผู้ป่วยในระยะก่อนเข้าร่วมโปรแกรมฯ ภายหลังเข้าร่วมโปรแกรม 1 เดือน และภายหลังเข้าร่วมโปรแกรม 3 เดือน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติบรรยาย และสถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวน 2 ปัจจัย แบบวัดซ้ำ 1 ปัจจัย

ผลการศึกษา: พบว่าผู้ป่วยกลุ่มทดลองมีพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง ค่าระดับน้ำตาล น้ำตาลสะสม และคุณภาพชีวิตในระยะภายหลังเข้าร่วมโปรแกรม 1 เดือน และ 3 เดือนแตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีผลต่อค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง ค่าระดับน้ำตาล น้ำตาลสะสม และคะแนนเฉลี่ยคุณภาพชีวิตอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05)

สรุปผลการวิจัย: โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพโดยใช้แนวคิด Trans-Theoretical Model (TTM) มีผลกับพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง ค่าระดับน้ำตาล น้ำตาลสะสม และคะแนนเฉลี่ยคุณภาพชีวิต โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเป็นการตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และความเชื่อด้านสุขภาพโดยการใช้การทบทวนพฤติกรรมของตนเอง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การทบทวนการปฏิบัติตนเรื่องการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การคลายความเครียด และการรับรู้ความเสี่ยงของการทำให้โรคมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานปรับพฤติกรรมจนทำให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการจัดการเบาหวานตนเองอย่างสม่ำเสมอ ระดับน้ำตาลและน้ำตาลสะสมลดลง ดังนั้นควรนำมาใช้ในการส่งเสริมให้ผู้ป่วยเห็นสำคัญและตระหนักในการดูแลตนเอง

เอกสารอ้างอิง

International Diabetes Federation Europe. IDF Europe annual report 2014 from Melbourne to Istanbul [Internet]. 2014. [cited 2021 Jan 2]. Available form: https://idf.org/component/attachments/?task=download&id=917

The Policy and Strategy Section, Bureau of Non-Communicable Diseases, Ministry of Public Health. 5-year National NCDs prevention and control strategic and action plan (2017-2021) [Internet]. 2017. [cited 2021 Jan 2]. Available form: https://www.who.int/docs/default-source/thailand/ncds/national-ncd-prevention-and-control-plan-2017-2021-eng.pdf.

American Diabetes Association. Standards of medical care in diabetes-2016 abridged for primary care providers. Clin Diabetes 2016;34(1):3-21.

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2560 [อินเทอร์เน็ต]. 2560. [เข้าถึงเมื่อ 2 ม.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก:: https://w2.med.cmu.ac.th/nd/wp-content/uploads/2019/11/Dm60.pdf.

จิราพร ศรีพิบูลย์บัติ, ทมาภรณ์ สุขสวรรค์, ธีริศา สินาคม. ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อค่าระดับน้ำตาลและน้ำตาลสะสมของผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์. วารสารการพยาบาลและการศึกษา 2563;13(2):47-60.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. ข้อมูลสถิติรายงานโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง 2560 [อินเทอร์เน็ต]. 2560. [เข้าถึงเมื่อ 10 ม.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก: https://www.dsi.go.th/Upload/4c433256887f8c4b508952eaf6a45794.pdf.

โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา. ข้อมูลสถิติ 2560. [อินเทอร์เน็ต]. 2560. [เข้าถึงเมื่อ 17 ม.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก: http://www.ayhosp.go.th/ayh/

วรัทพร จันทร์ลลิต. ภาวะแทรกซ้อนทางตาจากโรคเบาหวาน. วารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2559;23(2):36-45.

ผาณิต หลีเจริญ. การนำรูปแบบ TTM ไปใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข 2557;13(2):1-11.

Prochaska JO, Velicer WF. The trans-theoretical model of health behavior change. Am J Health Promot 1997;12(1):38-48.

Cohen J. Statistical power analysis for the behavioral sciences. Mahwah, NJ: Lawrence Erlbaum Associate; 1988.

สุพาพร เพ็ชรอาวุธ, นันทิยา วัฒนายุ. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2553.

สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล, วิระวรรณ ตันติพิวัฒนสกุล, วนิดา พุ่มไพศาลชัย, กรองจิตต์ วงศ์สุวรรณ, ราณี พรมานะรังกุล. แบบคัดครองทางสุขภาพจิต : เครื่องชี้วัดคุณภาพชีวิตขององค์การอนามัยโลกชุดย่อภาษาไทย [อินเทอร์เน็ต]. 2545. [เข้าถึงเมื่อ 12 ม.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก: https://dmh.go.th/test/download/files/whoqol.pdf.

Polit DF, Beck TB. Nursing research: generating and assign evidence for nursing practice. 8th ed. Philadelphia: Lippincott; 2008.

Cummings DM, Lutes LD, Littlewood K, Solar C, Hambidge B, Gatlin P. Impact of distress reduction on behavioral correlates and A1C in African American women with uncontrolled type 2 diabetes: results from EMPOWER. Ethn Dis 2017;27(2):155-160.

นภาลัย มังคละ, นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์. ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยประยุกต์ทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเสี่ยงเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ 2561;12(ฉบับพิเศษ):110-20.

Partapsingh VA, Maharaj RG, Rawlins JM. Applying the stages of change model to type 2 diabetes care in trinidad: a randomised trial. J Negat Results Biomed 2011;10:13.

ดวงธิดา หาคำ, นทพร ชัยพิชิต. การพัฒนาโปรแกรมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองสำหรับการควบคุมน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารนเรศวรพะเยา 2564;13(3):43-58

Xu C, Dong Z, Zhang P, Chang G, Xiang Q, Zhang M, et al. Effect of group cognitive behavioural therapy on psychological stress and blood glucose in people with type 2 diabetes mellitus: A community-based cluster randomized controlled trial in China. Diabet Med 2021;38(2):96-110.

Winkley K, Upsher R, Stahl D, Pollard D, Kasera A, Brennan A, et al. Psychological interventions to improve self-management of type 1 and type 2 diabetes: a systematic review. Health Technol Assess 2020;24(28):1-232.

Markle-Reid M, Ploeg J, Fraser KD, Fisher KA, Bartholomew A, Griffith LE, et al. Community program improves quality of life and self-management in older adults with diabetes mellitus and comorbidity. J Am Geriatr Soc 2018;66(2):263-73.

รื่นจิต เพชรชิต. พฤติกรรมการดูแลตนเองและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้ 2558;2(2):15-28.

จันจิรา ภู่รัตน์, ปาหนัน พิชยภิญโญ, สุนีย์ ละกำปั่น. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการกำกับตนเองต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้. วารสารเกื้อการุณ 2563;27(1):20–33.

รังสิมา รัตนศิลา, ขวัญใจ อำนาจสัตย์ซื่อ, สิรินทร ฉันศิริกาญจน, สิริประภา กลั่นกลิ่น, พัชราพร เกิดมงคล. ผลของโปรแกรมการจัดการผู้ป่วยรายกรณีผู้สูงอายุโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้. วารสารพยาบาลสาธารณสุข 2558;29(1):67-79.

จันทร์ทิรา เจียรณัย, ศรัญญา จุฬารี, วาริธร ประวัติวงศ์. การส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานด้วยระบบเตือนผู้ป่วยอัตโนมัติทางโทรศัพท์ แบบ 2 ทาง [อินเทอร์เน็ต]. 2563. [เข้าถึงเมื่อ12 ม.ค.2564]. เข้าถึงได้จาก: http://sutir.sut.ac.th:8080/jspui/handle/123456789/8487.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-01-16

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ธูปะวิโรจน์ อ, ลาภหลาย พ, จิรธนา ก. ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง ค่าระดับน้ำตาล น้ำตาลสะสม และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา: งานวิจัยในรูปแบบสุ่มที่มีการควบคุม. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 16 มกราคม 2023 [อ้างถึง 6 ธันวาคม 2025];12(3):552-75. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/258777

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย