การศึกษาอัตราความชุกและความสัมพันธ์ของโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะอ้วน และภาวะอ้วนลงพุงในระดับกองทัพในกำลังพลกองทัพบก ประเทศไทย

ผู้แต่ง

  • ศรัณย์ ผู้บรรเจิดกุล หน่วยอาชีวเวชศาสตร์ กองตรวจโรคผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
  • กวิน วงศ์ธรรมริน ภาควิชาสรีรวิทยา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฏเกล้า
  • พงศ์พิสุทธิ์ ทาคำแปง ภาควิชาเวชศาสตร์ทหารและชุมชน วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
  • คทาวุธ ดีปรีชา กองส่งเสริมสุขภาพและเวชกรรมป้องกัน กรมแพทย์ทหารบก

คำสำคัญ:

โรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ, ทหาร, กองทัพบกไทย

บทคัดย่อ

ความเป็นมา โรคไม่ติดต่อและภาวะอ้วน เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประเทศไทย ในแต่ละปีประเทศไทยเสียงบประมาณในการป้องกันและรักษาไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท สำหรับกองทัพบกไทยมีการศึกษาทางวิชาการเกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อที่น้อยกว่าอาชีพอื่น ๆ ทั้งที่ทหารเป็นกลุ่มอาชีพที่มีกำลังคนมากเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศและมีบทบาทสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอัตราความชุกของโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะอ้วน และภาวะอ้วนลงพุง และเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของอัตราความชุกและหน่วยบรรจุ

วิธีการศึกษา การศึกษาโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และสถิติเชิงอนุมาน (ไค-สแควร์) โดยใช้ข้อมูลการตรวจสุขภาพกำลังพลกองทัพบกปี 2563 จำนวน 119,210 คน

ผลการศึกษา ในกำลังพลกองทัพบก 119,210 คน พบกำลังพลที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะอ้วน ภาวะอ้วนลงพุง อย่างน้อย 1 โรค 71,810 คน (ร้อยละ 60.2) พบอัตราความชุกของโรค 3 ลำดับสูงสุดคือ ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (ร้อยละ 74.5)  โรคอ้วน (ร้อยละ 43.0) และภาวะอ้วนลงพุง (ร้อยละ 31.8)  ตามลำดับ โดยหน่วยทหารในกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นพื้นที่ที่มีสัดส่วนของประชากรที่เป็นโรคอย่างน้อย 1 โรคมากที่สุด (ร้อยละ 68.1) และพบว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่างหน่วยที่บรรจุในระดับกองทัพและอัตราความชุกของโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะอ้วน และภาวะอ้วนลงพุง (p-value<0.01)

สรุป โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะอ้วน และภาวะอ้วนลงพุงเป็นปัญหาที่สำคัญของกองทัพบกไทย ดังนั้นควรศึกษาเพิ่มเติมถึงสาเหตุของโรคในแต่ละพื้นที่โดยละเอียดและกำหนดนโยบายการส่งเสริมสุขภาพที่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดในแต่ละกองทัพภาค ซึ่งจะสามารถป้องกันโรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและใช้งบประมาณที่ได้รับให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. Noncommunicable diseases 2021 [Internet]. 2022 [cited 2021 Nov 5]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/noncommunicable-diseases.

Mendis S, editor. Global status report on NCDs 2014. Geneve: World Health Organization; 2014.

Aekplakorn W, editor. The 6th final health survey 2019-2020. Nonthaburi: Health System Research Institute; 2021.

Aekplakorn W, editor. The 4th Final Health Survey 2008-2009. Nonthaburi: Health System Research Institute; 2008.

Aekplakorn W, editor. The 5th Final Health Survey 2014. Nonthaburi: Health System Research Institute; 2016.

National Health Security Office. Guideline for management in Nation Health Security Fund 2011. Bangkok: National Health Security Office; 2010.

National Health Security Office. Guideline for management in Nation Health Security Fund 2020. Bangkok: National Health Security Office; 2019.

Miller M. Dyslipidemia and cardiovascular risk: the importance of early prevention. QJM 2009;102(9):657-67.

Akil L, Ahmad HA. Relationships between obesity and cardiovascular diseases in four southern states and Colorado. J health Poor Underserved 2011;22(4 Suppl):61-72.

Ngan WB, Belinga LEE, Nlo'o ASPE, Roche F, Goethals L, Mandengue SH, et al. Surveillance of cardiovascular risk factors in the Fifth Military Sector Health Center, Ngaoundéré, Cameroon: observational study. JMIR Form Res 2020;4(11):e18567.

Sakboonyarat B, Rangsin R, Mittleman MA. Incidence and risk factors of metabolic syndrome among Royal Thai Army personnel. Scientific reports 2022;12(1):1-11.

The Government Public Relations Department. Four regional food [Internet]. 2021 [cited 2022 Mar 1]. Available from: https://thainews.prd.go.th/banner/th/culture_th/ thaifood.php

Sahaspot S, Charoensiri E, Kongkachuichai R. Glycemic index of glutinous and non-glutinous landrace rice varieties using “In vitro rapidly available glucose”. Burapha Science Journal 2015;20(2):1-13.

Wilding JPH. The importance of weight management in type 2 diabetes mellitus. Int J Clin Pract 2014;68(6):682-91.

เบญจวรรณ ชีวยะพันธ์. ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะไขมันในเลือดผิดปกติในบุคลากรโรงพยาบาลโพธาราม. วารสารหัวหินสุขใจไกลกังวล 2561;3(1):36-45.

Joshi N, Shah C, Mehta H, Gokhle P. Comparative study of lipid profile on healthy smoker and non smokers. Int J Med Sci Public health 2013;2(3):622-6.

Gebreegziabiher G, Belachew T, Mehari K, Tamiru D. Prevalence of dyslipidemia and associated risk factors among adult residents of Mekelle City, Northern Ethiopia. PloS one 2021;16(2):e0243103.

นันทิดา ชุ่มวิเศษ. ปัจจัยที่สัมพันธ์กับภาวะไขมันผิดปกติในเลือดของข้าราชการครูที่มาตรวจสุขภาพที่ โรงพยาบาลสันป่าตอง ปี 2552. วารสารสาธารณสุขล้านนา 2554;7(1):25-38.

สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ.2562. กรุงเทพฯ : สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย; 2562.

Singha S, editor. Thai national strategic plan for reduce salt and sodium consumption 2016-2025. Nonthaburi : Ministry of Health; 2016.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

เผยแพร่ 2023-01-16 — ปรับปรุง 2023-01-23

เวอร์ชัน

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ผู้บรรเจิดกุล ศ, วงศ์ธรรมริน ก, ทาคำแปง พ, ดีปรีชา ค. การศึกษาอัตราความชุกและความสัมพันธ์ของโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ ภาวะอ้วน และภาวะอ้วนลงพุงในระดับกองทัพในกำลังพลกองทัพบก ประเทศไทย. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 23 มกราคม 2023 [อ้างถึง 6 ธันวาคม 2025];12(3):501-15. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/257635

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย