การพัฒนาระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
คำสำคัญ:
ระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI จังหวัดพระนครศรีอยุธยาบทคัดย่อ
การวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 วิเคราะห์สถานการณ์การส่งต่อผู้ป่วย STEMI ระยะที่ 2 พัฒนาระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI และระยะที่ 3 ศึกษาปัจจัย/อุปสรรคของการพัฒนาระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI กลุ่มตัวอย่างได้แก่ แพทย์ พยาบาล ที่ดูแลผู้ป่วย STEMI ในโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และเครือข่ายจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจำนวน 60 คน และผู้ป่วย STEMI จำนวน 179 คน ระยะเวลาที่ศึกษา 1 ตุลาคม 2556 ถึง 30 กันยายน 2558 เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย แนวคำถามปลายเปิดและแบบบันทึกข้อมูลเชิงปริมาณจากเวชระเบียน แบบบันทึกข้อมูลตัวชี้วัด วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ วิเคราะห์ข้อมูลตัวชี้วัดเปรียบเทียบปีต่อปีใช้สถิติ Independent t-test, Mann Whitney Test และข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
จากการวิจัยได้ระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีแนวทางมาตรฐานการดูแลที่ชัดเจน สามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการส่งต่อทั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า ผลลัพธ์การพัฒนาพบว่า อัตราการเสียชีวิตขณะส่งต่อเป็นศูนย์ อัตราการเสียชีวิตในโรงพยาบาลปี 2557 และ 2558 เท่ากับ 10.35 และ 7.61 ตามลำดับ อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนในโรงพยาบาลอัตราการได้รับยาละลายลิ่มเลือด และ/หรือการขยายหลอดเลือดหัวใจ ปี 2557 และ 2558 เท่ากับ 77.01 และ 78.26 ตามลำดับระยะเวลาเฉลี่ยตั้งแต่ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลครั้งแรกจนถึงได้รับการส่งต่อถึงสถานพยาบาลที่ศักยภาพสูงกว่า (Transfer time) ปี 2558 เท่ากับ 171.50 นาที (SD=39.69) และในปี 2557 เท่ากับ 210.87 นาที (SD=58.71) สามารถส่งต่อได้เร็วอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) ระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลจนได้รับยาละลายลิ่มเลือด (Door to needle) ปี 2557 เท่ากับ 156.14 นาที (SD=94.18) ปี 2558 เท่ากับ 85.76 นาที (SD=34.56) ได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=.016) จากการพัฒนาระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI จังหวัดระนครศรีอยุธยา สามารถส่งต่อผู้ป่วย STEMI ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในมาตรฐานการดูแล ทำให้เกิดแนวทางการดูแลในเครือข่ายเป็นมาตรฐานเดียวกัน ป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เกิดระบบการบริหารความพร้อมใช้และเหมาะสมของอุปกรณ์/เครื่องมือเกิดการพัฒนาด้านวิชาการ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรร่วมกัน และมีเครือข่ายเชื่อมโยงสู่ระบบส่งต่อช่องทางด่วนผู้ป่วย STEMI จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีประสิทธิภาพ และคุณภาพที่ยั่งยืน
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักเขตสุขภาพที่ 4. รายงานประจำปี 2556. สระบุรี: สำนักงานเขตสุขภาพที่ 4; 2557.
3. สรณ บุญใบชัยพฤกษ์. กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน: Acute myocardial infarction. ใน : นิธิ มหานนท์, ปิยะมิตร ศรีธรา, สรณ บุญใบชัยพฤกษ์. บรรณาธิการ. กรุงเทพมหานคร: โอ.เอส.พริ้นติ้ง เฮ้าส์; 2543.
4. อภิชาต สุคนธสรรพ์. แนวทางการรักษา Acute ST-Elevation Myocardial Infarction. ใน: Practice Guidelines in Cardiology. เชียงใหม่: ทริคธิงค์; 2552.
5. Alexander LK, Newby PW, Armstrong C., & Cannon. Acute coronary care in the elderly: Part ll St segment-elevation myocardial infarction a scientific statement for healthcare professionals from the American Heart Association Council on Clinical Cardiology. Circulation 2007;115:2570-89.
6. มาลีวัลย์ สุริยพันตรี, เบญจพร ประสงค์ศรี, และภาวนา คงสอดทรัพย์. ผลของการเข้าร่วมโครงการ Fast Track STEMI ต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรงพยาบาลนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2557;23:335-41.
7. ภัทรพงษ์ พีรวงศ์. ประสิทธิภาพของการรักษาโดยใช้ระบบทางด่วนพิเศษในการรักษาผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิด STEMI. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ 2557;29:13-22.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง