การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเบาหวาน ในหน่วยบริการปฐมภูมิ ภายใต้บริบทพื้นที่อำเภอทุรกันดาร อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
ระบบบริการ, ผู้ป่วยเบาหวาน, หน่วยบริการปฐมภูมิบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเบาหวานในหน่วยบริการปฐมภูมิ และประเมินผลการพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเบาหวานในหน่วยบริการปฐมภูมิ วิธีการศึกษาดำเนินการวิจัย 4 ระยะ (ก.ค.2558-เม.ย.2560) โดยร่วมพัฒนาระบบบริการร่วมกับทีมสหวิชาชีพในโรงพยาบาลและหน่วยบริการปฐมภูมิ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตัวแทนผู้ป่วยเบาหวาน ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 72 คน หลังจากนั้นทดลองใช้ระบบก่อนนำระบบไปใช้จริงและประเมินผลการพัฒนาระบบจากสัดส่วนผู้ป่วยนอกเบาหวาน (รพ.:รพ.สต.) การส่งกลับผู้ป่วยอัตราการขาดนัด ผลการประเมิน NCD Clinic จากความพึงพอใจทีมสหวิชาชีพและผู้ป่วยเบาหวาน โดยเลือกแบบเฉพาะเจาะจง คำนวณขนาดตัวอย่างจากสูตรยามาเน่และใช้ค่าสัดส่วนของผู้รับบริการแต่ละแห่งได้จำนวน 277 คน การวิเคราะห์ข้อมูลข้อมูลเชิงปริมาณโดยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) และตรวจสอบสามเส้า (Triangulation data) ผลการศึกษา พบว่า มีการพัฒนาระบบบริการโดย 1) พัฒนา
ระบบบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม มีการนิเทศงานและติดตามประเมินผลของเครือข่าย และจัดสรรงบประมาณ ตามความเหมาะสม 2) พัฒนาทรัพยากรบุคคล ตามสมรรถนะแต่ละวิชาชีพ 3) ขยายการจัดบริการเป็น 8 แห่ง ในรูปแบบทีมสหวิชาชีพ 4) ด้านการออกแบบบริการ มีระบบให้คำปรึกษาผ่านแพทย์พี่เลี้ยง จัดทำมาตรฐานแนวทางปฏิบัติ (CPG) และรูปแบบบริการเดียวกันในเครือข่าย นำการจัดการรายกรณีมาใช้ทุกพื้นที่ 5) ด้านการสนับสนุนอื่นๆ พัฒนาระบบจ่ายกลางเป็น central supply พัฒนากระบวนการเบิก-จ่ายสำรองยาและการขนส่ง พัฒนาระบบข้อมูลทั้งเครือข่าย ด้านผลลัพธ์พบว่า สัดส่วนผู้ป่วยนอกเบาหวาน (รพ.:รพ.สต.) เพิ่มขึ้นจาก 70: 30 เป็น 45: 55 ร้อยละผู้ป่วยขาดนัดลดลง จาก 12.25 เป็น 2.32 ร้อยละการส่งกลับ
ผู้ป่วยลดลงจาก 22.25 เป็น 10.20 ความพึงพอใจของทีมสหสาขาวิชาชีพอยู่ในระดับมาก (=4.50, S.D=0.54) ความพึงพอใจของผู้ป่วยและญาติอยู่ในระดับมาก (
=4.59, S.D=0.53) ผลการประเมิน NCD Clinic อยู่ในระดับดีมาก 25% และดีเด่น 75% สรุป: การพัฒนาระบบบริการผู้ป่วยเบาหวานในหน่วยบริการปฐมภูมิที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่เกิดจากการมีส่วนร่วมส่งผลให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการมากขึ้น ผู้ป่วยและทีมสหวิชาชีพมีความพึงพอใจ
เอกสารอ้างอิง
2. สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ. การบริหารจัดการเครือข่ายหน่วยบริการสุขภาพปฐมภูมิ. นนทบุรี: นโมพริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิง ; 2550.
3. เดชา แซ่หลี และคณะ. การขับเคลื่อนระบบสุขภาพระดับอำเภอ (รอส.). กรุงเทพมหานคร: สำนักพัฒนาระบบบริการสุขภาพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ; 2557.
4. โรงพยาบาลยางสีสุราช. รายงาน NCD ของสถานบริการสาธารณสุข เครือข่ายบริการสุขภาพยางสีสุราช ปี 2554-2556. มหาสารคาม: โรงพยาบาลยางสีสุราช; 2557.
5. Coleman K., Austin B.T., Wagner E.H., & Brach C. (2009). Evidence on the Chronic Care Model in the new millennium. Health Affairs, 2009: 28(1):75-85.
6. บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร : สุวีริยาสาส์น; 2553.
7. พันธุ์ทิพย์ รามสูต. การวิจัยปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม. สถาบันพัฒนาการสาธารณสุขอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล. กรุงเทพมหานคร: พี เอ ลีฟวิ่ง; 2540.
8. ทวีศักดิ์ นพเกสร. วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพเล่ม 2. พิมพ์ครั้งที่ 2. นครราชสีมา: โรงพิมพ์โชคเจริญ มาร์เก็ตติ้ง; 2549.
9. ปราโมทย์ บุญเจียร. การพัฒนาระบบบริการเครือข่ายปฐมภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเลย. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2559;6:38-48.
10. กอบกุล ยศณรงค์. การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานดูแลผู้ป่วยเบาหวานสู่ระบบบริการระดับปฐมภูมิ ในเครือข่ายบริการสุขภาพ อ.ปัว จ.น่าน. วารสารวิจัยระบบสาธารณสุข 2555;6:290-297.
11. ดารณี เทียมเพ็ชร์, กศิมา สง่ารัตนพิมาน, มัญฑิตา อักษรดี, เพ็ญพร ทวีบุตร, วรเดช ช้างแก้ว. การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานลงสู่ชุมชน แบบไร้รอยต่อ อำเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว. วารสารพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข 2555;6:156-169.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง