ทิศทางการพัฒนารูปแบบฉลากโภชนาการแบบจีดีเอที่เหมาะสมต่อผู้บริโภค

ผู้แต่ง

  • ทิพย์วรรณ ปริญญาศิริ สำนักอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
  • วิมลิน ริมปิกุล สาขาวิชามนุษยนิเวศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

คำสำคัญ:

ฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ, ต่อบรรจุภัณฑ์, ต่อหน่วยบริโภค

บทคัดย่อ

ปัญหาภาวะโภชนาการเกิน เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้เห็นความสำคัญจึงได้จัดทำฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ (Guideline Daily Amounts, GDAs) เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับผู้บริโภคในการเลือกบริโภคอย่างเหมาะสม โดยออกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข มีผลใช้บังคับครั้งแรกเมื่อปี 2554 ให้แสดงไว้ด้านหน้าฉลากของขนมขบเคี้ยว และมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2559 ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 374 พ.ศ. 2559 ขยายกลุ่มอาหารเพิ่มเติมเป็น 5 กลุ่ม งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจพฤติกรรมและทัศนคติในการใช้ฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ รวมทั้งประเมินรูปแบบการแสดงฉลากโภชนาการแบบจีดีเอที่เหมาะสมกับบริบทการนำไปใช้จริง โดยเป็นการสำรวจข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน 2560 จำนวน 560 คน พบว่า ร้อยละ 49.9 มีพฤติกรรมการใช้ฉลากโภชนาการทั้งรูปแบบตารางโภชนาการและรูปแบบจีดีเอบ่อยครั้ง อีกทั้งมีความสนใจอ่านข้อมูลโภชนาการบนฉลากผลิตภัณฑ์อาหารบางประเภทที่ไม่ได้ถูกบังคับให้แสดงฉลากโภชนาการ เช่น เครื่องดื่ม ชาปรุงสำเร็จชนิดเหลว ส่วนความรู้ความเข้าใจในการใช้ข้อมูลโภชนาการ พบว่ามีการใช้ข้อมูลจากฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ แบบ“ต่อบรรจุภัณฑ์” ถูกต้องมากกว่า แบบ “ต่อหน่วยบริโภค” อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0.05) สำหรับฉลากโภชนาการแบบจีดีเอที่เหมาะสมนั้น พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (ร้อยละ 64.7) ยังเห็นความจำเป็นของฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ แม้ว่าจะมีฉลากโภชนาการรูปแบบตารางแล้วก็ตาม นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าร้อยละ 50 เลือกฉลากโภชนาการแบบจีดีเอ แบบ“ต่อบรรจุภัณฑ์” เป็นรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับอาหารที่บรรจุในภาชนะบรรจุขนาดใหญ่ และช่วยให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการบริโภคมากขึ้น

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. กลุ่มโรค NCDs [อินเตอร์เน็ต]. 2556 [เข้าถึงเมื่อ 20 มิถุนายน 2560]. เข้าถึงได้จาก: https://www.thaihealth.or.th/microsite/categories/5/ncds/2/173/176-%E0%B8%81%E0%B8%A5% E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84+NCDs.html;2560.

2. สถาบันวิจัยประชากรและสังคม. สุขภาพคนไทย 2559. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง; 2559.

3. สำนักอาหาร กระทรวงสาธารณสุข. การสำรวจสถานการณ์การแสดงข้อมูลโภชนาการในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปที่พร้อมบริโภคทันทีปี 2557. นนทบุรี: สำนักอาหาร กระทรวงสาธารณสุข; 2557.

4. สำนักอาหาร กระทรวงสาธารณสุข. การสำรวจสถานการณ์การใช้ฉลากโภชนาการแบบ GDA ของประเทศไทย (National survey) 2557. นนทบุรี: สำนักอาหาร กระทรวงสาธารณสุข; 2557.

5. Cochran WG. Sampling techniques. New York, NY: John Wiley & Sons; 1977.

6. Guthrie JF, Fox JJ, Cleveland LE, Welsh S. Who uses nutrition labeling, and what effects does label use have on diet quality? Journal of Nutrition Education. 1995;27(4):163-72.

7. Smith SC, Taylor JG, Stephen AM. Use of food labels and beliefs about diet–disease relationships among university students. Public Health Nutr. 2000;3(2):175-82.

8. Stran KA, Knol LL. Determinants of food label use differ by sex. J Acad Nutr Diet. 2013;113(5):673-9.

9. Wardle J, Haase A, Steptoe A, Nillapun M, Jonwutiwes K, Bellisie F. Gender differences in food choice: the contribution of health beliefs and dieting. Ann Behav Med. 2004;27(2):107-16.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

12/31/2017

รูปแบบการอ้างอิง

ปริญญาศิริ ท., & ริมปิกุล ว. (2017). ทิศทางการพัฒนารูปแบบฉลากโภชนาการแบบจีดีเอที่เหมาะสมต่อผู้บริโภค. วารสารโภชนาการ (Online), 52(2), 23–33. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JNAT/article/view/116151

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย