ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กอายุ 3-5 ปี ของผู้ปกครองตำบลบ้านโภชน์ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์

ผู้แต่ง

  • กัญจนพร วรรณา โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโภชน์ จังหวัดเพชรบูรณ์
  • ถาวร มาต้น คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

คำสำคัญ:

พฤติกรรมสุขภาพช่องปาก, ผู้ปกครอง, เด็กอายุ 3 – 5 ปี, PRECEDE Framework

บทคัดย่อ

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยข้อมูลทั่วไป ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กอายุ 3-5 ปี ของผู้ปกครอง รวมถึงศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยดังกล่าวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ปกครองในตำบลบ้านโภชน์ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยประยุกต์กรอบแนวคิด PRECEDE Framework มาใช้ในการวิเคราะห์ การวิจัยนี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ปกครองของเด็กอายุ 3-5 ปี จำนวน 125 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติการทดสอบไคสแควร์ และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน

              ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยข้อมูลทั่วไป ได้แก่ สภาวะสุขภาพช่องปากเด็ก และปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ ปัจจัยเสริม มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กของผู้ปกครองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
จากการศึกษานี้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมองค์ความรู้ ทัศนคติ การเข้าถึงอุปกรณ์การดูแลสุขภาพช่องปาก การเข้าถึงแหล่งบริการทันตกรรม และการสนับสนุนจากแหล่งข้อมูลและบุคคลรอบข้าง เพื่อพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพช่องปากของเด็กในช่วง 3-5 ปี อย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2566). รายงานผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2566. http://hdl.handle.net/11228/6086

จิระพิพรรธ รัตน์ฐาภัทร. (2563). ปัจจัยที่มีผลต่อการพาเด็กไปใช้บริการทันตกรรม: ศึกษาเฉพาะผู้ปกครองเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของจังหวัดสมุทรสาคร. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 13(1),414–421. จาก https://he02.tci- thaijo.org/index.php/RDHSJ /article/ 254901/173161

ฉัตรนภา จบศรี. (2565). ความรอบรู้ด้านทันตสุขภาพของผู้ปกครองที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กก่อนวัยเรียน: กรณีศึกษาในอำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ (วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร. จาก https://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/

bitstream/123456789/5168/3/62062013.pdf

ธิดา ธำรงวงศ์สวัสดิ์. (2563). ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากเด็กของผู้ปกครองและสภาวะสุขภาพช่องปากของเด็กวัยก่อนเรียนในอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9: วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 14(33), 71–87. จาก https://doi.org/10.14456/

rhpc9j.2020.5

นฤชิต ทองรุ่งเรือง, จิตติมา จุ้ยเจริญ และเพ็ญพิศ ธีระวิทย์. (2556). Factors related with the parents’ behavior of helping their children aged 1-5 years old in brushing teeth in Nonsang district, Nongbualamphu Province. ศรีนครินทร์เวชสาร, 28(1), 16–22. จาก https://li01.tci-thaijo.org/

index.php/SRIMEDJ/article/download/11087/10021

ณฐพงศ์ คงใหม่, อุบลทิพย์ ไชยแสง, สลิล กาจกําแหง และนิวัติ ไชยแสง. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กก่อนวัยเรียนของผู้ปกครอง ตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง. วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 2(2), 26–42. จาก https://he02.tci-thaijo.

org/index.php/tjph/article/view/182889

สมพร แก้วทอง, เปมิกา ฉิมคง, อมลวรรณ แก้วละมุล, ดุษฎี เจริญสุข และวรรณวิมล เมฆวิมลกิ่งแก้ว. (2565). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนของผู้ปกครองในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 7(2), 56–70. จาก https://he04.tci-thaijo.org/index.php/JAHS/article/download/220/106

สุรศักดิ์ ภักดี และรุจิรา ดวงสงค์. (2561). ความรู้ ทัศนคติเกี่ยวกับโรคฟันผุและการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กก่อนวัยเรียนของผู้ปกครองในเขตอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร, 21(2), 186–193. จาก https://he02.tci- thaijo.org/index.php/ajcph/250269

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์. (2568). รายงานสถานการณ์สุขภาพจังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. 2568. เพชรบูรณ์: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์.

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโภชน์. (2568). รายงานผลการตรวจคัดกรองสุขภาพช่องปากเด็ก อายุ 3-5 ปี ปีงบประมาณ 2568. เพชรบูรณ์: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโภชน์.

ฮนีฟะห์ บูระกะ, และคณะ. (2567). ปัจจัยเอื้อและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ปกครองเด็กปฐมวัยในจังหวัดยะลา (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์.

American Academy of Pediatric Dentistry. (2025). Policy on early childhood caries (ECC): Consequences and preventive strategies. In The reference manual of pediatric dentistry (pp. 353–357). Chicago, IL: American Academy of Pediatric Dentistry. https://www.aapd.

org/globalassets/media/policies_guidelines/p_eccconsequence

Best, J. W. (1981). Research in education (4th ed.). Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.

Bloom, B. S. (1971). Mastery learning: Theory and practice. New York, NY: Holt, Rinehart & Winston.

Green, L. W., & Kreuter, M. W. (2005). Health program planning: An educational and ecological approach (4th ed.). New York, NY: McGraw-Hill.

World Health Organization. (2022). Oral health. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/oral-health

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

31-08-2025

รูปแบบการอ้างอิง

วรรณา ก., & มาต้น ถ. . (2025). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กอายุ 3-5 ปี ของผู้ปกครองตำบลบ้านโภชน์ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์. วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม, 5(2), E 279793. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/J-PHIN/article/view/279793