ผลของโปรแกรมเสริมสร้างความรอบรู้ทางสุขภาพต่อพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ, มัธยมศึกษาตอนต้นบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความรอบรู้ทางสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศก่อนและหลังการได้รับโปรแกรมเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และเพื่อเปรียบเทียบความรอบรู้ทางสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมและกลุ่มที่ไม่ได้รับโปรแกรม โดยใช้แบบแผนการวิจัย 2 กลุ่ม วัดผลก่อนและหลังการทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นทั้งเพศหญิงและเพศชายอายุ 13-15 ปี ที่กำลังศึกษาในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดกาญจนบุรี มีจำนวนกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 34 คน รวมทั้งหมด 68 คน เครื่องมือในการวิจัยประกอบด้วย โปรแกรมสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพ และแบบประเมินพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ โดยเก็บข้อมูลก่อน-หลังการใช้โปรแกรม สถิติที่ใช้ คือ สถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติอนุมาน ได้แก่ paired t-test และ Independent t-test ผลการศึกษา พบว่าภายหลังการทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพและคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศในกลุ่มทดลองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 (t= 5.025, p< .001 และ t=-3.707, p=.001 ตามลำดับ) และคะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพและคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศหลังเข้าร่วมโปรแกรมในกลุ่มทดลองแตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t=-3.37, p=.002 และ t=2.53, p=.015 ตามลำดับ) ข้อเสนอแนะจากการวิจัย คือ
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เช่น ครู ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ควรเสริมสร้างความรอบรู้สุขภาพทางเพศของวัยรุ่นโดยเน้นด้านการสื่อสารกับเยาวชนเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญในเรื่องพฤติกรรมทางเพศที่ถูกต้องและเหมาะสม และสามารถสื่อสารข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพทางเพศด้วยวิธีการพูด อ่าน เขียน ให้เข้าใจและสามารถโน้มน้าวให้ยอมรับข้อมูลด้านสุขภาพทางเพศ
References
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. (2557 ข). ประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรสำหรับสตรีไทยวัยรุ่น อายุ 15-21 ปี. นนทบุรี : กระทรวงสาธารณสุข.
ชลดา อานี กรัณฑรัตน์ บุญชวยธนาสิทธิ์ และประเสริฐศักดิ์ กายนาคา. (2560). “ประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพ โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้คำถามเพื่อการสร้างเสริมพฤติกรรมการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดนนทบุรี”. วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์. 32 (2). 137-143.
นวลพรรณ อิศโร ชนัญชิดาดุษฎี ทูลศิริ และรุ่งรัตน์ ศรีสุริยเวศน์ (2559). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมทางเพศที่พึงประสงค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในจังหวัดจันทบุรี. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา, 24 (2) ,72-84.
ปริยานุช ตั้งนรกุล ศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์ และนฤมล ธีระรังสิกุล. (2562). “ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพทางเพศกับพฤติกรรมทางเพศของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น”. วารสารแพทย์นาวี. 46(3), 607-620.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจบุรี. (2565). Health Data Center : HDC กาญจนบุรี.
สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กระทรวงสาธารณสุข. (2562). สถิติการคลอดของแม่วัยรุ่นประเทศไทย ปี พ.ศ. 2561.
สำนักเขตสุขภาพที่ 5 จังหวัดราชบุรี. (2562). สถานการณ์การดำเนินงานวัยรุ่น เขตสุขภาพที่ 5.
อังศินันท์ อินทรกำแหงและธัญชนก ขุมทอง. (2560). “การพัฒนาเครื่องมือวัดความรู้อบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรสำหรับสตรีไทยวัยรุ่น”. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 31(3). 19-38.
อาภรณ์ วัลลิภากร. (2559). “ความสัมพันธของปจจัยที่มีผลตอการปองกันการมีเพศสัมพันธในวัยเรียนของนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีสายมิตรหนองบุญมาก อําเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา”. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. 2. 49-62.
อุทัยวรรณ สกุลวลีธร ศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์และนฤมล ธีระรังสิกุล. (2561). “ปัจจัยทำนายพฤติกรรมป้องกันความเสี่ยงทางเพศในวัยรุ่นหญิงมัธยมศึกษาตอนต้น”. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอิสเทิร์นเอเชีย ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 12 (2) ,253-263.
อาภาพร เผ่าวัฒนา. (2560). การป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น : แนวคิดและการจัดการหลายระดับ. กรุงเทพฯ :แดเน็กซ์อินเตอร์คอร์ปอเรชั่น.
Chin, et al. (2011). The Process-Knowledge Model of Health Literacy: Evidence from a Componential Analysis of Two Commonly Used Measures. Journal Health Community, 16(Suppl 3), 222–241.
National Center for Health Statistics. (2010). Healthy people 2010 final review. Washington, DC: National Center for Health Statistics.
Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Social Science & Medicine, 67(12), 2,072-2,078.

Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2025 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม