การประยุกต์ใช้กล่องเก็บความเย็นที่มี ให้ตรงตามข้อกำหนดของห่วงโซ่ความเย็น: กรณีศึกษาจากศูนย์วัคซีนโควิด-19 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

บทคัดย่อ

การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2562 ส่งผลให้จำเป็นต้องมีการกระจายวัคซีน โควิด-19 อย่างเร่งด่วน ในขณะที่ข้อมูลความคงตัวและการเก็บรักษาวัคซีนยังมีจำกัด จึงมีการพัฒนาและตรวจสอบความถูกต้องของห่วงโซ่ความเย็นสำหรับเก็บรักษาวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายและชนิดเชื้อเป็นที่ไม่สามารถแบ่งตัวได้ในการใช้งานประจำวันที่ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ โดยศึกษาและตรวจสอบความถูกต้องในการดัดแปลงบรรจุภัณฑ์เก็บความเย็นที่มีอยู่เพื่อใช้ในการเก็บรักษาวัคซีน โดยหาสภาวะเหมาะสมในการใช้ถุงน้ำแข็งหรือถุงเจลที่บรรจุลงในกล่องที่ทำจากพลาสติกหรือโฟมซึ่งมีขนาดแตกต่างกัน จากผลการศึกษาพบว่า กล่องพลาสติกเก็บวัคซีนประจำวันหมายเลข 1 (ปริมาตร 4,209 ลูกบาศก์นิ้ว) และหมายเลข 2 (ปริมาตร 2,035 ลูกบาศก์นิ้ว) บรรจุถุงน้ำแข็งปริมาณ 5-6 กิโลกรัม และ 2.5-3 กิโลกรัม ตามลำดับ สามารถรักษาอุณหภูมิได้ระหว่าง 2-8 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8 ชั่วโมง สำหรับวัคซีนที่เตรียมในกระบอกฉีดยาพร้อมฉีดจะถูกเก็บในกล่องโฟมควบคุมอุณหภูมิหมายเลข 3 (ปริมาตร 3,520 ลูกบาศก์นิ้ว) บรรจุถุงน้ำแข็งปริมาณ 4 กิโลกรัม จะสามารถคงอุณหภูมิระหว่าง 4-6 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 7 ชั่วโมง ส่วนการใช้กล่องโฟมสำหรับการส่งต่อวัคซีนพร้อมฉีดไปยังจุดฉีดวัคซีน พบว่ากล่องควบคุมอุณหภูมิหมายเลข 4 (ปริมาตร 541 ลูกบาศก์นิ้ว) และหมายเลข 5 (ปริมาตร 877 ลูกบาศก์นิ้ว) ที่ทำการศึกษาถึงการใช้วัสดุทำความเย็นที่แตกต่างกัน 3 สภาวะทดสอบ พบว่าสามารถควบคุมอุณหภูมิของวัคซีนที่เตรียมพร้อมฉีด อยู่ระหว่าง 7-13 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 7 ชั่วโมง จากผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าบรรจุภัณฑ์เก็บความเย็นที่ใช้เก็บรักษาวัคซีนโควิด-19 ที่ทำการศึกษาทั้งหมด สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามข้อกำหนดของห่วงโซ่ความเย็น