สถานการณ์และคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของแรงงานสัญชาติพม่า ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
สถานการณ์และคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของแรงงานสัญชาติพม่าในจังหวัดนครศรีธรรมราช
คำสำคัญ:
คุณภาพชีวิต, แรงงานสัญชาติพม่าบทคัดย่อ
การวิจัยนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ด้านการให้บริการสุขภาพของแรงงานสัญชาติพม่าในจังหวัดนครศรีธรรมราช และคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของแรงงานสัญชาติพม่าในจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำการศึกษา
แบบผสานวิธี (mixed method) ทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพ และการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา 2 กลุ่ม ประกอบด้วยผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่เลือกแบบเจาะจง จำนวน 21 ราย ซึ่งประกอบด้วย แรงงานสัญชาติพม่า
เพื่อนแรงงานคนไทย ผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทำการสัมภาษณ์เชิงลึก และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม
โดยทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เล่นกีฬา และไม่มีส่วนร่วมเป็นการสังเกตอยู่วงนอกไม่เข้าร่วมในกิจกรรม จากนั้นวิเคราะห์ข้อมูลโดยพรรณนาวิเคราะห์ สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา ได้แก่ แรงงานสัญชาติพม่า จำนวน 350 ราย เก็บรวมรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า สถานการณ์ด้านสุขภาพของแรงงานสัญชาติพม่าในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการใช้ระบบหลักประกันในโรงพยาบาลใกล้ที่พักเมื่อเจ็บป่วย ไปปรึกษาหรือสอบถามเกี่ยวกับโรค หรือหาความรู้ในการดูแลสุขภาพ มีการเล่นกีฬาเพื่อทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงและปราศจากโรคภัย เช่น ฟุตบอล ตะกร้อ หรือเล่นกีฬาในท้องถิ่น และหากรู้สึกว่าเครียดหรือไม่สบายใจก็จะเปิด YouTube ดูหนัง หรือฟังเพลง สำหรับแรงงานสัญชาติพม่าส่วนใหญ่เป็นเพศชาย อายุ 36–45 ปี การศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี เป็นแรงงานไร้ฝีมือ ประสบการณ์การทำงาน
ในประเทศไทยน้อยกว่า 10 ปี มีรายได้ต่อเดือน 5,001 – 10,000 บาท และสถานภาพโสด มีคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของแรงงานสัญชาติพม่าในจังหวัดนครศรีธรรมราชพบว่าอยู่ในระดับปานกลาง (x̄= 3.42, SD= 0.64)
Downloads
เอกสารอ้างอิง
is often forgotten. [Internet]. 2015 [Accessed 2562, 28 June]. เข้าถึงจาก: https://pra
chatai.com/journal/2015/12/63024
2. Petruk, S. and Sompunmak, C. Labor of Thailand Market will in the Future. Western
University Research Journal of Humanities and Social Science. 2016; 2(3): 99-113.
3. Ministry of Labour. Guidelines for Alien Labor Management 2018. One Stop Service
(OSS), Ministry of Labour; 2018.
4. Provincial Employment Office of Nakhon Si Thammarat. Executive summary of labor
situation in Nakhon Si Thammarat province. Nakhon Si Thammarat : Office of Nakhon
Si Thammarat; 2018.
5. Samkoset, W. Migrant workers are valuable assets. [Internet]. 2019 [Accessed 2562,
28 June]. เข้าถึงจาก: http://www.aidsrightsthai land.com/look-news.php?lang=&news
=800023.
6. Khanamkhaew, D. Myanmar migrant workers : Quality of life and creating new meaning
in Nakhon Si Thammarat Province. Nakhon Si Thammarat : Faculty of Humanities
and Social Sciences; 2019.
7. Songthap, A. and Thongsamsee, W. Factors Affecting Quality of Life among Transnational
Workers in Kantang District, Trang Province. EAU HERITAGE JOURNAL, Science and
Technology. 2017; 11(2): 191-206
8. Reamrimmadan, Y. and Khamsri, S. Factors Related to Health Promotion Behavior
by Foreign Workers in Chachoengsao Province. HCU Journal, 2018; 21 (42): 79-91.
9. Srithongtham, O., Songpracha, S., Sanguanwongwan, W. and Charoenmukayananta, S.
Health Care Services of the Community Hospital at border LAO, Burma, and
Cambodia: When Becoming to Asean Economics Community in the Year 2015.
NIDA Development Journal. 2017; 57 (1): 85-108.
10. Pheap, V. and Sripokangkul, S. Situation of the Inequality of Life Quality of Cambodian
Migrant Workers in Srakhaew Province. Veridian E-Journal, Silpakorn University. 2017;
10 (2): 189-204.
11. Cochran, W.G. Sampling Techniques. New York : John Wiley& sons; 1997.
12. Boonmak, S. Research Methodology in Social Sciences. Songkhla : Faculty of Humanities and Social Sciences, Thaksin University; 2017.
13. Ritchie, J. and J. Lewis. Qualitative Research Practice. London : Sage; 2003.
14. Aenihon, P. Foreign Workers: Implementation and Administration in Thailand. Journal
of Arts Management. 2018; 2 (2): 117-132.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
