พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานที่มีความเสี่ยงสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี
Health Promotion Behaviors of the High Risk Overweight Population for type 2 Diabetes Mellitus Phanom Thuan Muang, Kanchanaburi Province, Thailand, and factors related to Perceived benefit, perceived self–efficacy , perceived health status and Perceived barriers to Health Promotion Behaviors
คำสำคัญ:
พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ, ภาวะน้ำหนักเกิน, กลุ่มเสี่ยงสูงโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานที่มีความเสี่ยงสูงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี และความสัมพันธ์ปัจจัยด้านการรับรู้ประโยชน์ การรับรู้อุปสรรค การรับรู้ความสามารถของตนเอง และการรับรู้แรงสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ เก็บข้อมูลในเดือนมีนาคม–มิถุนายน พ.ศ.2562 จากกลุ่มเสี่ยงสูง จำนวน 274 ราย โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นตามกรอบแนวคิดการส่งเสริมสุขภาพของ (Pender.et al) หาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามและวัตถุประสงค์ (Item-Congruence Index,IOC) อยู่ในช่วง 0.6-1.0 วิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติสหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson correlation coefficient)
ผลการศึกษา พบว่า คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงสูง อยู่ในระดับพอใช้ ปัจจัยด้านการรับรู้ประโยชน์ ปัจจัยด้านการรับรู้ความสามารถของตนเอง และปัจจัยด้านการรับรู้แรงสนับสนุนทางสังคม อยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยด้านการรับรู้อุปสรรคอยู่ในระดับมาก และพบว่า ปัจจัยด้านการรับรู้ความสามารถของตนเองมีความสัมพันธ์ทางบวกต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.01 ปัจจัยด้านการรับรู้แรงสนับสนุนทางสังคมมีความสัมพันธ์ทางลบต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
Downloads
เอกสารอ้างอิง
1. จีรัชญ์ พัชรกุลธนา, กมลทิพย์ ขลังธรรมเนียม, วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดโรคอ้วนในกลุ่มวัยผู้ใหญ่เขตเทศบาลตำบลบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารพยาบาลทหารบก. 2558; 16 (2) .
2. สำนักโรคไม่ติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข. ประเด็นสารรณรงค์วันเบาหวานโลก ปี 2560. [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 6 กรกฎาคม 2562]. เข้าถึงจาก thaincd.com/document/file/info.
3. เพชร รอดอารีย์. เบาหวานภัยเงียบในตัวที่หลายคนไม่รู้. ประชาชาติธุรกิจ. 6 สิหาคม 2561. น 1-2.
4. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. รายงานสถิติสาธารณสุข. [อินเทอร์เน็ต]. 2560
[เข้าถึงเมื่อ 6 กรกฎาคม 2561]. เข้าถึงจากhttp://uto.moph.go.th/strategy/data/ naltang_ mongkon_n_songkar.pdf
5. สำนักโรคไม่ติดต่อกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. [อินเตอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 27 ธันวาคม 2560]. เข้าถึงจาก http://www.thaincd.com.
6. วิชัย เอกพลากร.และคณะ.รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557 [อินเตอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 27 ธันวาคม 2560]. เข้าถึงจาก http://www.gearmag.info/ record_ aug03. php.
7. ชัชลิต รัตรสาร. การระบาดของโรคเบาหวานและผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย.กรุงเทพมหานคร Novo Nordisk Pharma (Thailand) Ltd. 2013.
8. กระทรวงสาธารณสุข. รายงานผลสำเร็จของการดำเนินงานด้านสุขภาพตามนโยบายสำคัญและยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 27 ธันวาคม 2560]. เข้าถึงจาก http://www.gearmag.info/ record_aug03.php.
9. สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข. แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่12. [อินเตอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 3 มกราคม 2561]. เข้าถึงจากhttp://wwwops. moph.go.th/ops /oic/ data.
10. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี. สรุปรายงานการประชุม คปสอ. อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี พิมพ์ที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอพนมทวน; 2560.
11. WHO/IASO/IOTF. The Asia-Pacific perspective. Redefining Obesity and its treatment. 2000.
12. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยและคณะ. แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน. กรุงเทพมหานคร: ศรีเมืองการพิมพ์; 2557.
13. Pender, N,J; Murdaugh, C, L.; & Parsons. Health Promotion in Nursing Practice. 4th ed. 2006.
New Jersey: Pearson Education,
14. โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์พนมทวน. ทะเบียนกลุ่มเสี่ยง NCD ประจำปีงบประมาณ. พิมพ์ที่โรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์พนมทวน กาญจนบุรี ; 2560.
15. Taro Yamane. An introductory analysis. New York: Harper and Row; 1967; 886.
16. Cronbach,LJ. Coefficient Alpha and the Internal Structure of Tests. Psychometrika 1951,297-334.
17. ชูศรี วงศ์รัตนะ. เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. นนทบุรี: ไทเนรมิตกิจอินเตอร์โปรแกรสซิฟ. 2550.
18. อนุพันธ์ แสงศรี. การศึกษาพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนที่มีภาวะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในเขตเทศบาลตำบลบางปรอก อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี. วารสารสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา 2560. (2) 1.
19. ชลลดา ไชยกุลวัฒนา, วิชานีย์ ใจมาลัย, ประกายดาว สุทธิ ปัจจัยทำนายพฤติกรรมสุขภาพของประชากรกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวาน จังหวัดพะเยา. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ.(34) 4 .
20. สมใจ จางวาง, เทพกร พิทยภินัน, นิรชร ชูติพัฒนะ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเอง เพื่อป้องกันโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงของประชาชนกลุ่มเสี่ยง. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุข2559 (3) 110–128.
21. มงคล การุณ, งามพรรณ สุดารัตน์, สุวารี นันทนาน้ำฝน. พฤติกรรมสุขภาพและภาวะสุขภาพของคนทำงานในสถานประกอบการเขตเมืองใหญ่ กรณีศึกษาพื้นที่เขตสาทร กรุงเทพมหานคร. ว.พยาบาลสงขลานครินทร์. 2555 (32) 3 51-66.
22. สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2552). พฤติกรรมการออกกำลังกายของประชากรไทย. ค้นเมื่อ 30 เมษายน 2554 จาก http://www.gearmag.info/record_aug03.php
23. สุขสันต์ อินทรวิเชียร. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืนในกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่7 ขอนแก่น. 2555 (19) 2 ,65-75.
24. กุลธิดา กุลประฑีปัญญา, เพชรมณี วิริยะสืบพงศ์, รุ้งรังษี วิบูลย์ชัย, ฐิติมา โกศัลวิตร. การวิเคราะห์สถานการณ์พฤติกรรมการดูแลตนเองของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานในเขตพื้นที่อีสานใต้ ประเทศไทย. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 2560 (4) S 19- S 33.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
