ประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาผู้ดูแลทันตสุขภาพต่อความรู้ ทัศนคติ และทักษะการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยติดเตียง
คำสำคัญ:
ผู้ป่วยติดเตียง, การดูแลสุขภาพช่องปาก, ผู้ดูแลผู้ป่วยบทคัดย่อ
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง ชนิดหนึ่งกลุ่ม วัดก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาผู้ดูแลทันตสุขภาพต่อการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มตัวอย่างจำนวน 26 คน ใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองคือโปรแกรมพัฒนาผู้ดูแลทันตสุขภาพ โดยใช้แนวคิดทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตน ประกอบด้วยกิจกรรมให้ความรู้ สาธิตวิธีการตรวจสุขภาพช่องปาก ฝึกปฏิบัติ และสร้างกระบวนการกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบสอบถามประเมินความรู้ ทัศนคติ และแบบประเมินทักษะการดูแลสุขภาพช่องปากผู้ป่วยติดเตียง มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89, 0.71 และ 0.75 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (M) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) และสถิติทดสอบวิลคอกซัน
ผลการวิจัยพบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาผู้ดูแลทันตสุขภาพ ผู้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปาก (M = 12.42, SD = 0.85) ค่าเฉลี่ยคะแนนทัศนคติต่อการดูแลสุขภาพช่องปาก (M = 2.69, SD = 0.16) และมีค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะในการดูแลสุขภาพช่องปาก (M = 26.65, SD = 3.22) สูงกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) ผลการวิจัยนี้สามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการออกแบบโมดูลหลักสูตรระยะสั้นสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสามารถยกระดับโปรแกรมนี้เป็นกิจกรรมประจำภายใต้งานเยี่ยมบ้านหรืองานผู้ป่วยติดเตียง
เอกสารอ้างอิง
กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2565). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. 2565. อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์.
ณปภา ประยูรวงษ์. (2565). สถานการณ์แนวโน้มและการดูแลส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุกลุ่มติดเตียงประเทศไทย. วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม, 2(2), 14–24.
ปิยนุช ภิญโย, กิตติภูมิ ภิญโย, สายสุดา จันหัวนา, วชิรศักดิ์ อภิพัฒฐ์กานต์, ธรณิศ สายวัฒน์, และอมรรัตน์ อัครเศรษสกุล. (2560). ประสิทธิผลของโปรแกรมเสริมสร้างความสามารถแห่งตนต่อความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการดูแลของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวในชุมชน จังหวัดขอนแก่น. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 37(3), 109–120.
ศุภศิลป์ ดีรักษา, วิภาดา จิตรปรีดา, สุพัตรา บุญเจียม, และอนวัช ภูทองนาค. (2564). ผลของโปรแกรมความรอบรู้ด้านทันตสุขภาพขั้นพื้นฐานเพื่อส่งเสริมสุขภาพช่องปากของผู้ใหญ่ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน, 3(1), 65–76.
สรวงสุดา บูชา และสุขสมัย สมพงษ์. (2561). ประสิทธิผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสามารถตนเองเพื่อป้องกันโรคเหงือกอักเสบในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร. วารสารทันตาภิบาล, 29(2), 1-12.
สำนักทันตสาธารณสุข. (2561). รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ประเทศไทย พ.ศ. 2560. สามเจริญพานิชย์.
อาณัติ มาตระกูล, จรัญญา หุ่นศรีสกุล, และ อัจฉรา วัฒนาภา.(2560). ประสิทธิผลในการใช้การสัมภาษณ์เพื่อเสริมสร้างแรงจูงใจผู้ดูแลในการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุติดเตียง: การวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม. วิทยาสารทันตแพทย์ศาสตร์, 68 (3), 256-269.
Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. W.H. Freeman and Company.
Barani, M., Hassani, L., Ghanbarnejad, A., & Molavi, M. A. (2023). Effect of educational intervention based on self-efficacy theory on the caring behaviour of mothers who have children with cancer. Journal of Mother and Child, 27(1), 93–101.
Kuo, Y. W., Yen, M., Fetzer, S., Chiang, L. C., Shyu, Y. I., Lee, T. H., & Ma, H. I. (2016). A home-Based training programme improves family caregivers' oral care practices with stroke survivors: A randomized controlled trial. International Journal of Dental Hygiene, 14(2), 82–91.
Niederman, R., Sullivans, MT. (1981). Oral Hygiene Skill Achievement Index. Journal of Periodontology, 52(3), 143-156.
Panthong, W., Wattanaburanon, A., Abdullakasim, P., & Chotigawin, R. (2023). Effectiveness of a self-efficacy program on knowledge, practices and expectations on elderly care in relation to physical therapy of caregivers in Tambon Takasem, Mueang District, Sa Kaeo Province. Nursing Journal of the Ministry of Public Health, 33(2), 71–84.
Pattanaporn, K., Kaewduangsaeng, A., Panich, I., Limpaphan, N., Lakboon, W., & Brondani, M. (2024). Caregivers' knowledge, attitudes and behaviour towards the daily oral care of bedridden patients in Chiang Rai, Thailand. Gerodontology, 42(1), 71–77.
Poudel, P., Paudel, G., Acharya, R., George, A., Borgnakke, W. S., & Rawal, L. B. (2024). Oral health and healthy ageing: A scoping review. BMC Geriatrics, 24(33). https://doi.org/10.1186/s12877-023-04613-7
Wong, F. M. F., Shie, H. W. H., Kao, E., Tsoi, H. M., & Leung, W. K. (2024). Educational programme on knowledge, attitudes, and practice of oral care/hygiene provision by healthcare providers to older residents in long-term care institutions: A case-control study. Geriatrics, 9(1), 16. https://doi.org/10.3390/geriatrics9010016
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยคริสเตียน

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.