ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองของพยาบาลในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด
คำสำคัญ:
การปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคอง, พยาบาล, หอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด, ประสบการณ์, การได้รับการอบรม, ทัศนคติ, สมรรถนะแห่งตนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบหาความสัมพันธ์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ในการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคอง การได้รับการอบรมด้านการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคอง ทัศนคติในการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคอง และสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคอง กับการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดของพยาบาล กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด โรงพยาบาลระดับตติยภูมิในภาคเหนือ จำนวน 5 แห่ง รวมจำนวน 97 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินทัศนคติของพยาบาลในการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด มีค่าความเชื่อมั่น .81 แบบประเมินสมรรถนะแห่งตนของพยาบาลในการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด มีค่าความเชื่อมั่น .93 และแบบสอบถามการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองของพยาบาลในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด มีค่าความเชื่อมั่น .92 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2565 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สหสัมพันธ์อีต้า สหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน และสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า พยาบาลมีการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดในระดับมาก คิดเป็นร้อยละ 88.70 ประสบการณ์ในการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคองมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดของพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (η = .200, p < .05) ทัศนคติในการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคองมีความ
สัมพันธ์ทางบวกกับการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดของพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (rs = .450, p < .001) และสมรรถนะแห่งตนในการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคองมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดของพยาบาลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .550, p < .001)
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า ผู้บริหารการพยาบาลควรส่งเสริมให้พยาบาลมีการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด และสนับสนุนให้ได้รับการอบรมด้านการดูแลทารกแรกเกิดแบบประคับประคอง เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติการดูแลแบบประคับประคองในหอผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด
เอกสารอ้างอิง
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2566). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2565. สืบค้นจาก https://spd.moph.go.th/wp-content/uploads/2023/11/Hstatistic65.pdf
ณิศาพิชญาภัค มีสมศักดิ์, จุฑารัตน์ มีสุขโข, และศรีมนา นิยมค้า. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติการพยาบาลเพื่อการตายดีในผู้ป่วยเด็กระยะสุดท้าย. พยาบาลสาร, 48(2), 220–231.
พุทธวรรณ ชูเชิด, เฟื่องสุข ไพศาลกอบฤทธิ์, และนิสาพร สลางสิงห์. (2562). บทบาทของพยาบาลในการดูแลทารกแรกเกิดที่อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิต. วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, 15(2), 69–81.
Ajzen, I. (1991). The Theory of Planned Behavior. Organizational Behavior and Human Decision Processes, 50(2), 179–211. doi:10.1016/0749-5978(91)90020-T
Almeida, F. de A., Moraes, M. S., & Cunha, M. L. (2016). Taking care of the newborn dying and their families: Nurses’ experiences of neonatal intensive care. Revista da Escola de Enfermagem da U S P, 50, 122–129. doi:10.1590/S0080-623420160000300018
Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman and Company.
Benner, P. (1984). From novice to expert, excellence and power in clinical nursing practice. Menlo Park, CA: Addison-Wesley.
British Association of Perinatal Medicine. (2010). Palliative care (supportive and end of life care): A framework for clinical practice in perinatal medicine. Retrieved from https://hubble-live-assets.s3.eu-west-1.amazonaws.com/bapm/file_asset/file/72/Palliative_care_final_version__Aug10.pdf
Carter, B. S. (2018). Pediatric palliative care in infants and neonates. Children, 5(2), 21. doi:10.3390/children5020021
Cordeiro, F. R., Oliveira, S. G., Giudice, J. Z., Fernandes, V. P., & Oliveira, A. T. (2020). Definitions for “palliative care”, “end-of-life” and “terminally ill” in oncology: A scoping review. Enfermería: Cuidados Humanizados, 9(2), 205–228. doi:10.22235/ech.v9i2.2317
Dehghani, F., Barkhordari-Sharifabad, M., Sedaghati-Kasbakhi, M., & Fallahzadeh, H. (2020). Effect of palliative care training on perceived self-efficacy of the nurses. BMC Palliative Care, 19(1), 63. doi:10.1186/s12904-020-00567-4
Fishbein, M., & Ajzen, I. (1975). Belief, attitude, intention, and behavior: An introduction to theory and research. Reading, MA: Addison-Wesley.
Foster, J., Kain, V., & Patterson, T. (2016). Parents’ and families’ experiences of palliative and end-of-life neonatal care in neonatal settings: A systematic review protocol. JBI Database of Systematic Reviews and Implementation Reports, 14(11), 99–105. doi:10.11124/JBISRIR-2016-003175
Gilmour, D., Davies, M. W., & Herbert, A. R. (2017). Adequacy of palliative care in a single tertiary neonatal unit. Journal of Paediatrics and Child Health, 53(2), 136–144. doi:10.1111/jpc.13353
Kain, V., Gardner, G., & Yates, P. (2009). Neonatal palliative care attitude scale: Development of an instrument to measure the barriers to and facilitators of palliative care in neonatal nursing. Pediatrics, 123(2), e207–e213. doi:10.1542/peds.2008-2774
Kenner, C., Press, J., & Ryan, D. (2015). Recommendations for palliative and bereavement care in the NICU: A family-centered integrative approach. Journal of Perinatology, 35(Suppl. 1), S19–S23. doi:10.1038/jp.2015.145
Kilcullen, M., & Ireland, S. (2017). Palliative care in the neonatal unit: Neonatal nursing staff perceptions of facilitators and barriers in a regional tertiary nursery. BMC Palliative Care, 16(1), 32. doi:10.1186/s12904-017-0202-3
Kim, J. S., Kim, J., & Gelegjamts, D. (2020). Knowledge, attitude and self-efficacy towards palliative care among nurses in Mongolia: A cross-sectional descriptive study. PLoS One, 15(7), e0236390. doi:10.1371/journal.pone.0236390
Kim, S., Savage, T. A., Song, M. K., Vincent, C., Park, C. G., Ferrans, C. E., & Kavanaugh, K. (2019). Nurses’ roles and challenges in providing end-of-life care in neonatal intensive care units in South Korea. Applied Nursing Research, 50, 151204. doi:10.1016/j.apnr.2019.151204
Kurnia, T. A., Trisyani, Y., & Prawesti, A. (2019). The relationship between nurses’ perceptions and self-efficacy in implementing palliative care in the intensive care unit. Belitung Nursing Journal, 5(1), 41–46. doi:10.33546/bnj.607
Mills, M., & Cortezzo, D. E. (2020). Moral distress in the neonatal intensive care unit: What is it, why it happens, and how we can address it. Frontiers in Pediatrics, 8, 581. doi:10.3389/fped.2020.00581
National Consensus Project for Quality Palliative Care. (2018). Clinical practice guidelines for quality palliative care. Retrieved from https://www.nationalcoalitionhpc.org/wp-content/uploads/2020/07/NCHPC-NCPGuidelines_4thED_web_FINAL.pdf
Parravicini, E. (2017). Neonatal palliative care. Current Opinion in Pediatrics, 29(2), 135–140. doi:10.1097/MOP.0000000000000464
Petteys, A. R., Goebel, J. R., Wallace, J. D., & Singh-Carlson, S. (2015). Palliative care in neonatal intensive care, effects on parent stress and satisfaction: A feasibility study. American Journal of Hospice & Palliative Medicine, 32(8), 869–875. doi:10.1177/1049909114551014
Polit, D. F. (2010). Statistics and data analysis for nursing research (2nd ed.). Boston, MA: Pearson.
Quinn, M., & Gephart, S. (2016). Evidence for implementation strategies to provide palliative care in the neonatal intensive care unit. Advances in Neonatal Care, 16(6), 430–438. doi:10.1097/ANC.0000000000000354
Swanson, R. A. (2022). Foundations of human resource development (3rd ed.). San Francisco: Berrett-Koehler.
Triandis, H. C. (1971). Attitude and attitude change. New York: John Wiley & Sons.
World Health Organization. (2024). Neonatal mortality rate. Retrieved from https://www.who.int/data/gho/data/indicators/indicator-details/GHO/neonatal-mortality-rate-(per-1000-live-births)
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน
