การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์สำหรับผู้ดูแลในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด
คำสำคัญ:
สื่อวีดิทัศน์, การสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด, การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ, ผู้ดูแลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพัฒนา เพื่อพัฒนาและประเมินประสิทธิภาพของสื่อวีดิทัศน์สำหรับผู้ดูแลในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลศูนย์แห่งหนึ่ง ที่ต้องได้รับการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาดเมื่อกลับไปอยู่ที่บ้าน จำนวน 42 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แผนการออกแบบและพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ แบบสอบถามความคิดเห็นต่อการใช้สื่อวีดิทัศน์ แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบวัดความรู้สำหรับผู้ดูแลในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด มีค่าความเชื่อมั่น .85 และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ดูแลต่อสื่อวีดิทัศน์ มีค่าความเชื่อมั่น .82 ดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล 5 ขั้นตอน ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ถึงเดือนมิถุนายน 2564 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ paired t-test รวมทั้งประเมินประสิทธิภาพของสื่อวีดิทัศน์ตามเกณฑ์มาตรฐานของเมกุยแกนส์
ผลการวิจัยพบว่า 1) สื่อวีดิทัศน์สำหรับผู้ดูแลในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด มีความยาว 19 นาที 30 วินาที มีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมายของการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด ข้อบ่งชี้ในการเริ่มสวนปัสสาวะ ปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ ผลกระทบของการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ วิถีทางการได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย และการปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะสำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด 2) ประสิทธิภาพของสื่อวีดิทัศน์ มีค่า 1.47 3) หลังการชมสื่อวีดิทัศน์ ผู้ดูแลมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด สูงกว่าก่อนการชมสื่อวีดิทัศน์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 18.900, p < .001) และ 4) ผู้ดูแลมีคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจต่อสื่อวีดิทัศน์รายข้อในระดับมากที่สุด
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า พยาบาลควรเผยแพร่สื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะจากการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด แก่ผู้ดูแลผู้ป่วยที่ต้องได้รับการสวนปัสสาวะเป็นเวลาแบบสะอาด เพื่อให้ผู้ดูแลมีความรู้และการปฏิบัติในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะที่ถูกต้อง
เอกสารอ้างอิง
ขวัญตา งามพริ้ง. (2562). การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ในการป้องกันการติดเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพหลายขนานสำหรับผู้ป่วย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
คุณธัญญ์ เหล่าไพโรจน์, และอภิชนา โฆวินทะ. (2559). การศึกษาความชุกทางเดินปัสสาวะติดเชื้อในผู้ที่ไขสันหลังบาดเจ็บเรื้อรังและใช้หลอดสวนซิลิโคนชนิดใช้ซ้ำด้วยเทคนิคสะอาด. เวชศาสตร์ฟื้นฟูสาร, 26(2), 67–76.
ฉันทนา จันแจ่ม, อะเคื้อ อุณหเลขกะ, และพิมพาภรณ์ กลั่นกลิ่น. (2566). การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์การป้องกันการติดเชื้อในกระแสโลหิตที่สัมพันธ์กับการใส่สายสวนหลอดเลือดดำส่วนกลางสำหรับพยาบาล. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 34(1), 100–114.
นงค์คราญ วิเศษกุล. (2562). การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนทางการพยาบาล: แนวคิดและการประยุกต์ใช้. เชียงใหม่: โชตนาพริ้นท์.
มนต์ชัย เทียนทอง. (2548). การออกแบบและพัฒนาคอร์สแวร์สำหรับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.
มุทิตา จองวรรณศิริ, และวิทย์ วิเศษสินธุ์. (2562). การพยาบาลผู้ป่วยกระเพาะปัสสาวะพิการจากการบาดเจ็บไขสันหลังที่รับการตรวจยูโรพลศาสตร์. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 25(3), 270–279.
วาสินี ชาญศรี, และพรเลิศ ชุมชัย. (2562). บทบาทพยาบาลชุมชนในการป้องกันการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะในผู้ป่วยที่มีภาวะจำกัดการเคลื่อนไหว. เวชบันทึกศิริราช, 12(2), 101–107.
ศศิธร แสนศักดิ์, ปิยรัตน์ ไชยเชษฐ์, และสุวิมล กิ่งจันทร์. (2557). การป้องกันการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจากการคาสายสวนปัสสาวะในผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกและข้อ โรงพยาบาลขอนแก่น. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 23(2), 323–334.
สมพล เพิ่มพงศ์โกศล. (2556). เอกสารประกอบการสอนหมายเลข 1 เรื่อง การติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection). สืบค้นจาก https://www.rama.mahidol.ac.th/surgery/sites/default/files/public/pdf/Urinary%20tract%20infection.pdf
สมหวัง ด่านชัยวิจิตร. (บ.ก.). (2544). โรคติดเชื้อในโรงพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: แอล ที เพรส.
Alessi, S. M., & Trollip, S. R. (1991). Computer-based instruction: Methods and development. Upper Saddle River, NJ: Prentice Hall.
Beauchemin, L., Newman, D. K., Le Danseur, M., Jackson, A., & Ritmiller, M. (2018). Best practices for clean intermittent catheterization. Nursing, 48(9), 49–54. doi:10.1097/01.NURSE.0000544216.23783.bc
Cho, N., & Chambers, R. (2014). The potential of video in patient education post skin biopsies. University of Ottawa Journal of Medicine, 4(2), 32–35. doi:10.18192/uojm.v4i2.1161
Crescenze, I. M., Myers, J. B., Lenherr, S. M., Elliott, S. P., Welk, B., Mph, D. O., … Stoffel, J. T. (2019). Predictors of low urinary quality of life in spinal cord injury patients on clean intermittent catheterization. Neurourology and Urodynamics, 38(5), 1332–1338. doi:10.1002/nau.23983
Potter, P. A., & Perry, A. G. (2007). Basic nursing: Essentials for practice (6th ed.). St. Louis: Mosby Elsevier.
Simmering, J. E., Tang, F., Cavanaugh, J. E., Polgreen, L. A., & Polgreen, P. M. (2017). The increase in hospitalizations for urinary tract infections and the associated costs in the United States, 1998–2011. Open Forum Infectious Diseases, 4(1), ofw281. doi:10.1093/ofid/ofw281
Stefanova, T. A. (2014). Using of training video films in the engineering education. Procedia - Social and Behavioral Sciences, 116, 1181–1186. doi:10.1016/j.sbspro.2014.01.366
Syaparuddin, S., & Elihami, E. (2020). Improving student learning motivation through the utilization of video media in education students. Jurnal Edukasi NonFormal, 1(1), 228–235.
Wolfensberger, A., Anagnostopoulos, A., Clack, L., Meier, M. T., Kuster, S. P., & Sax, H. (2019). Effectiveness of an edutainment video teaching standard precautions–a randomized controlled evaluation study. Antimicrobial Resistance & Infection Control, 8, 82. doi:10.1186/s13756-019-0531-5
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน