ประสิทธิผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

ผู้แต่ง

  • สุทธิวรรณ อร่ามเรือง คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • ปราโมทย์ วงศ์สวัสดิ์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

คำสำคัญ:

ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน, พฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนในอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 60 คน แบ่งออกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 30 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย โปรแกรมการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามเจตคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น มีค่าความเชื่อมั่น .77 แบบสอบถามความเชื่อในความคาดหวังของกลุ่มอ้างอิง มีค่าความเชื่อมั่น .92 แบบสอบถามการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงในการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีค่าความเชื่อมั่น .91 แบบสอบถามการรับรู้ความสามารถตนเองในการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีค่าความเชื่อมั่น .81 แบบสอบถามความตั้งใจในการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีค่าความเชื่อมั่น .87 และแบบสอบถามพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มีค่าความเชื่อมั่น .82 ดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม 2563 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ paired t-test และ independent t-test

ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยเจตคติต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น คะแนนเฉลี่ยความเชื่อในความคาดหวังของกลุ่มอ้างอิง คะแนนเฉลี่ยการคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง คะแนนเฉลี่ยการรับรู้ความสามารถตนเองในการปฏิบัติ คะแนนเฉลี่ยความตั้งใจในการปฏิบัติ และคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ สูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 4.255, p < .01, t = 2.449, p < .05, t = 6.595, p < .001, t = 3.010, p < .01, t = 6.021, p < .001 และ t = 8.115, p < .001 ตามลำดับ) และสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 2.538, p < .05, t = 3.496, p < .01, t = 7.167, p < .001, t = 2.536, p < .05, t = 5.385, p < .001 และ t = 4.130, p < .001 ตามลำดับ)

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า โรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำโปรแกรมในการวิจัยครั้งนี้ ไปประยุกต์ใช้กับนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาในพื้นที่อื่นๆ เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

เอกสารอ้างอิง

นพรัตน์ สโมสร. (2560). ประสิทธิผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.

ศุภลักษณ์ ศรีธัญญา, วนลดา ทองใบ, และจีราภรณ์ กรรมบุตร. (2562). ผลของโปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามแผนต่อพฤติกรรมเนือยนิ่งของเด็กวัยเรียนตอนปลายที่มีภาวะอ้วน. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 12(4), 61–74.

สรณ สุวรรณเรืองศรี, โสเพ็ญ ชูนวล, และวรางคณา ชัชเวช. (2558). ความสัมพันธ์ระหว่างการควบคุมตนเอง ความเครียด กับสมดุลชีวิตของหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่น. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 7(3), 1–14.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร. (2560). รายงานสรุปผลงานตามแผนการตรวจราชการและนิเทศงาน กรณีปกติ รอบที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 2561. สืบค้นจาก https://www.kpo.go.th/webkpo/download/kppInspector2561_2_edit25610620.pdf

สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย. (2558). สถานการณ์อนามัยการเจริญพันธุ์ในวัยรุ่นและเยาวชน ปี 2558. สืบค้นจาก http://rh.anamai.moph.go.th/download/all_file/index

สุชาติ รัตถา, เรขา อรัญวงศ์, และรัชนี นิธากร. (2558). การพัฒนารูปแบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรของวัยรุ่นในจังหวัดกำแพงเพชร. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 9(2), 142–160.

Ajzen, I. (1991). The Theory of Planned Behavior. Organizational Behavior and Human Decision Processes, 50(2), 179–211. doi:10.1016/0749-5978(91)90020-T

Bernard, H. R. (2000). Social research methods: Qualitative and quantitative approaches. Thousand Oaks: SAGE.

Darabi, F., Yaseri, M., Kaveh, M. H., Khalajabadi Farahani, F., Majlessi, F., & Shojaeizadeh, D. (2017). The effect of a Theory of Planned Behavior-based educational intervention on sexual and reproductive health in Iranian adolescent girls: A randomized controlled trial. Journal of Research in Health Sciences, 17(4), e00400. Retrieved from https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/29233954/

Sabouri, M., Shakibazadeh, E., Mohebbi, B., Tol, A., Yaseri, M., & Babaee, S. (2020). Effectiveness of an educational intervention using Theory of Planned Behavior on health care empowerment among married reproductive-age women: A randomized controlled trial. Journal of Education and Health Promotion, 9, 293. doi:10.4103/jehp.jehp_751_20

Schaalma, H. P., Abraham, C., Gillmore, M. R., & Kok, G. (2004). Sex education as health promotion: What does it take?. Archives of Sexual Behavior, 33(3), 259–269. doi:10.1023/B:ASEB.0000026625.65171.1d

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2024-04-30

รูปแบบการอ้างอิง

อร่ามเรือง ส., & วงศ์สวัสดิ์ ป. (2024). ประสิทธิผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรของนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 35(1), 112–125. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/268097

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานการวิจัย (Research Report)

หมวดหมู่