ความตระหนัก ความรู้ และความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว
คำสำคัญ:
ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น, ภาวะหัวใจล้มเหลว, ความตระหนัก, ความรู้, ความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาความตระหนัก ความรู้ และความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวที่มารับการรักษาที่คลินิกโรคหัวใจ แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลลำพูน รวมจำนวน 354 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามความตระหนักและความรู้เกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น (เฉพาะส่วนความรู้) มีค่าความเชื่อมั่น .96 และแบบสอบถามเบอร์ลิน มีค่าความเชื่อมั่น .89 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนธันวาคม 2562 ถึงเดือนพฤษภาคม 2563 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวส่วนใหญ่ไม่ตระหนักเกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น คิดเป็นร้อยละ 78.53 ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น ได้แก่ เรื่องความหมาย คิดเป็นร้อยละ 77.40 เรื่องปัจจัยเสี่ยง คิดเป็นร้อยละ 79.94 เรื่องอาการแสดง คิดเป็นร้อยละ 79.94 เรื่องผลกระทบทางสุขภาพ คิดเป็นร้อยละ 79.94 และเรื่องการรักษา คิดเป็นร้อยละ 79.94 และผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวมีความเสี่ยงต่ำต่อภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น คิดเป็นร้อยละ 56.50
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรสุขภาพควรคัดกรองความเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้นในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวทุกราย รวมทั้งให้ความรู้และสร้างความตระหนักเกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น
เอกสารอ้างอิง
ประสิทธิ์ มหากิจ. (2560). ผลกระทบทางสังคมจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น. ใน กัลยา ปัญจพรผล, ประพันธ์ กิตติวรวิทย์กุล, นฤชา จิรกาลวสาน, มณฑิดา วีรวิกรม, และวิชญ์ บรรณหิรัญ (บ.ก.), เวชศาสตร์การนอนหลับขั้นพื้นฐานสำหรับแพทย์ พยาบาล นักศึกษา และบุคลากรทางการแพทย์ (น. 83–88). กรุงเทพฯ: บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์.
สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับชมรมหัวใจล้มเหลวแห่งประเทศไทย. (2557). แนวทางเวชปฏิบัติเพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลว พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: เอ-พลัส พริ้น.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2563). จำนวนอัตราป่วยและตาย ปี 2559–2562. สืบค้นจาก http://www.thaincd.com/index.php
Alshehri, A. M., Alshehri, M. S., Alamri, O. M., Alshehri, F. S., Alshahrani, M., Alflan, M. A., & Alshahrani, M. S. (2020). Knowledge, awareness, and attitudes toward obstructive sleep apnea among the population of the Asir Region of Saudi Arabia in 2019. Cureus, 12(3), e7254. doi:10.7759/cureus.7254
Arous, F., Boivin, J. M., Chaouat, A., Rumeau, C., Jankowski, R., & Nguyen, D. T. (2017). Awareness of obstructive sleep apnea-hypopnea syndrome among the general population of the Lorraine Region of France. European Annals of Otorhinolaryngology, Head and Neck Diseases, 134(5), 303–308. doi:10.1016/j.anorl.2017.02.010
Bloom, B. S. (1971). Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals, handbook 1 cognitive domain. London: Longmans.
Breckler, S. J. (1986). Attitude structure and function. New York: Lawrence Erlbaum Associates.
Brisco, M. A., & Goldberg, L. R. (2010). Sleep apnea in congestive heart failure. Current Heart Failure Reports, 7(4), 175–184. doi:10.1007/s11897-010-0033-5
Cochran, W. G. (1977). Sampling techniques (3rd ed.). New York: John Wiley & Sons.
Good, C. V. (1973). Dictionary of education (3rd ed.). New York: McGraw-Hill.
Hickey, A., O’Hanlon, A., McGee, H., Donnellan, C., Shelley, E., Horgan, F., & O’Neill, D. (2009). Stroke awareness in the general papulation: Knowledge of stroke risk factors and warning signs in older adults. BMC Geriatrics, 9, 1–8. doi:10.1186/1471-2318-9-35
Javaheri, S. (2006). Sleep disorders in systolic heart failure: A prospective study of 100 male patients. The final report. International Journal of Cardiology, 106(1), 21–28. doi:10.1016/j.ijcard.2004.12.068
Kasai, T. (2012). Sleep apnea and heart failure. Journal of Cardiology, 60, 78–85. doi:10.1016/j.jjcc.2012.05.013
Kasai, T., & Bradley, T. D. (2011). Obstructive sleep apnea and heart failure: Pathophysiologic and therapeutic implications. Journal of the American College of Cardiology, 57(2), 119–127. doi:10.1016/j.jacc.2010.08.627
Lee, C. S., & Auld, J. (2015). Heart failure: A primer. Critical Care Nursing Clinics of North America, 27(4), 413–425. doi:10.1016/j.cnc.2015.07.009
National Heart, Lung, and Blood Institute. (2012). What is sleep apnea. Retrieved from https://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topics/sleepapnea/
Netzer, N. C., Stoohs, R. A., Netzer, C. M., Clark, K., & Strohl, K. P. (1999). Using the Berlin Questionnaire to identify patients at risk for the sleep apnea syndrome. Annals of Internal Medicine, 131(7), 485–491. doi:10.7326/0003-4819-131-7-199910050-00002
Oldenburg, O., Lamp, B., Faber, L., Teschler, H., Horstkotte, D., & Töpfer, V. (2007). Sleep-disordered breathing in patients with symptomatic heart failure: A contemporary study of prevalence in and characteristics of 700 patients. European Journal of Heart Failure, 9(3), 251–257. doi:10.1016/j.ejheart.2006.08.003
Sia, C. H., Hong, Y., Tan, L. W. L., van Dam, R. M., Lee, C. H., & Tan, A. (2017). Awareness and knowledge of obstructive sleep apnea among the general population. Sleep Medicine, 36, 10–17. doi:10.1016/j.sleep.2017.03.030
Sin, D. D., Fitzgerald, F., Parker, J. D., Newton, G., Floras, J. S., & Bradley, T. D. (1999). Risk factors for central and obstructive sleep apnea in 450 men and women with congestive heart failure. American Journal of Respiratory and Critical Care Medicine, 160(4), 1101–1106. doi:10.1164/ajrccm.160.4.9903020
Sommerfeld, A., Althouse, A. D., Prince, J., Atwood, C. W., Mulukutla, S. R., & Hickey, G. W. (2017). Obstructive sleep apnea is associated with increased readmission in heart failure patients. Clinical Cardiology, 40(10), 873–878. doi:10.1002/clc.22738
Suksakorn, S., Rattanaumpawan, P., Banhiran, W., Cherakul, N., & Chotinaiwattarakul, W. (2014). Reliability and validity of a Thai version of the Berlin Questionnaire in patients with sleep disordered breathing. Journal of the Medical Association of Thailand, 97(Suppl. 3), 46–56. Retrieved from file:///C:/Users/Admin/Downloads/10905930.pdf
Tasali, E., & Ip, M. S. (2008). Obstructive sleep apnea and metabolic syndrome: Alterations in glucose metabolism and inflammation. Proceedings of the American Thoracic Society, 5(2), 207–217. doi:10.1513/pats.200708-139MG
Yumino, D., Wang, H., Floras, J. S., Newton, G. E., Mak, S., Ruttanaumpawan, P., … Bradley, T. D. (2009). Prevalence and physiological predictors of sleep apnea in patients with heart failure and systolic dysfunction. Journal of Cardiac Failure, 15(4), 279–285. doi:10.1016/j.cardfail.2008.11.015
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน
