ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความมั่นใจในความสามารถทางการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
คำสำคัญ:
ความกลัวการหกล้ม, การรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วย, แรงสนับสนุนจากครอบครัว, ความมั่นใจในความสามารถทางการเคลื่อนไหว, ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบหาความสัมพันธ์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความกลัวการหกล้ม การรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วย และแรงสนับสนุนจากครอบครัว กับความมั่นใจในความสามารถทางการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่อาศัยอยู่ในชุมชนในความรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เขตอำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี จำนวน 80 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินความกลัวการหกล้ม มีค่าความเชื่อมั่น .98 แบบประเมินการรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วย แบบประเมินแรงสนับสนุนจากครอบครัว มีค่าความเชื่อมั่น .94 และแบบประเมินความมั่นใจในความสามารถทางการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าความเชื่อมั่น .95 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสหสัมพันธ์แบบสเปียร์แมน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองมีคะแนนเฉลี่ยความมั่นใจในความสามารถทางการเคลื่อนไหวในระดับปานกลาง (M = 53.23, SD = 14.43) ความกลัวการหกล้ม และการรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วย มีความสัมพันธ์ทางลบกับความมั่นใจในความสามารถทางการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (rs = -.841, p < .001 และ rs = -.544, p < .001 ตามลำดับ)
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรสุขภาพควรจัดกิจกรรมเพื่อลดความกลัวการหกล้มและลดการรับรู้ความรุนแรงของการเจ็บป่วยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจในความสามารถทางการเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กณิฐา ตุ้ยดา, พัชราพร เกิดมงคล, ขวัญใจ อำนาจสัตย์ซื่อ, และทัศนีย์ รวิวรกุล. (2560). ปัจจัยทํานายความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจําวันของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในกรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 31(พิเศษ), 27–42.
กฤษณา ปะสาวะเท, วัลภา คุณทรงเกียรติ, และเขมารดี มาสิงบุญ. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความวิตกกังวลจากการย้ายออกจากหอผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดเฉียบพลัน. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 10(3), 98–113.
กฤษติยาภรณ์ ไชพนัส, ภูเบศร์ แสงสว่าง, สุธรรม นันทมงคลชัย, และพสชนัน นิรมิตรไชยนนท์. (2565). ปัจจัยทำนายการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะฟื้นฟู จังหวัดสมุทรสาคร. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน, 8(3), 48–60.
จันทนา หล่อตจะกูล. (2549). การพัฒนาเครื่องมือวัดคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยไทยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จันทรา แก้วภักดี, สุปราณี ฉิมมามี, นิลุวรรณ ชำนาญกิจ, และณัฏฐพัชร์ ประจันตะเสน. (2566). ความสัมพันธ์ของความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน พฤติกรรมเสี่ยงในการดูแลตนเอง ภาวะพึ่งพิง และการสนับสนุนทางสังคม กับคุณภาพชีวิตของผู้เป็นโรคหลอดเลือดสมองในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร. วารสารสภาการพยาบาล, 38(3), 229–242.
จิราภรณ์ วรรณปะเข, ปฏิเวธ คงไพจิตรวงศ์, สิริพร ล้อมสมบูรณ์, และอภิญญา ทองประสาท. (2561). การเปรียบเทียบความสามารถทางกายระหว่างผู้สูงอายุที่กลัวและไม่กลัวการล้ม. วารสารเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด, 30(1), 70–80.
ชัยวัฒน์ อ่อนไธสง, และมยุรี ลี่ทองอิน. (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความวิตกกังวลของผู้สูงอายุที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก่อนได้รับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น. ใน เอกสารการประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 20 (น. 955–966). มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
นงลักษณ์ พรมมาพงษ์. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความกลัวการหกล้มของผู้ป่วยสูงอายุ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2553). ระเบียบวิธีการวิจัยทางพยาบาลศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: ยูแอนด์ไอ อินเตอร์ มีเดีย.
ปนัดดา ภักดีวิวรรธ. (2560). ปัจจัยทำนายการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ป่วยภายหลังการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในระยะ 1 ปีแรก (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ปราโมทย์ ถ่างกระโทก, วชิรา โพธิ์ใส, ราตรี บุญชู, และดวงกมล วัตราดุล. (2564). ความชุกของภาวะความสามารถของสมองบกพร่องในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง: การวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ. เวชสารแพทย์ทหารบก, 74(1), 39–46.
ปิยนุช ภิญโย, และเพชรไสว ลิ้มตระกูล. (2557). สถานการณ์การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในตําบลบ้านเป็ด อําเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 32(4), 122–129.
พิมพ์ภัทร ตันติทวีวัฒน์, และชนกพร จิตปัญญา. (2561). ปัจจัยทำนายการปรับตัวของผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 12(2), 151–163.
มนทรา ตั้งจิรวัฒนา, และสุวรรณา วุฒิรณฤทธิ์. (2562). ปัจจัยทํานายการกลัวการหกล้มของผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 13(2), 30–40.
ลัฆวี ปิยะบัณฑิตกุล. (2555). เจาะลึกปัญหา เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในชุมชน. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 30(4), 6–14.
ลัดดา เถียมวงศ์. (2554). การทดสอบคุณสมบัติของเครื่องมือประเมินอาการกลัวหกล้มในผู้สูงอายุไทย. สงขลานครินทร์เวชสาร, 29(6), 277–287.
ศิริสุดา พลที, อรุณี ชนาภิสิทธิ, ลักขณา มาทอ, พิพัฒน์ อมตฉายา, ธนาตย์ สุกนวล, และสุกัลยา อมตฉายา. (2561). ผลทันทีของการฝึกลงน้ำหนักบนขาข้างอ่อนแรงต่อความสามารถด้านการเคลื่อนไหวในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่เดินได้. ศรีนครินทร์เวชสาร, 33(5), 438–443.
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ. (2565). สถานการณ์และแนวโน้มสุขภาพและการแพทย์ฉุกเฉิน (ระดับโลกและประเทศไทย). สืบค้นจาก https://www.niems.go.th/1/UploadAttachFile/2022/EBook/414764_20220208161448.pdf
สมศักดิ์ เทียมเก่า. (2565). อุบัติการณ์โรคหลอดเลือดสมองประเทศไทย. วารสารประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย, 39(2), 39–46.
สุดธิดา ฤทธิธาดา, และฉัตรสุดา ธาระพุฒ. (2561). How to take care of patients with stroke. วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย, 17(2), 25–40.
สุทิน มณีชมภู. (2562). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความสามารถในการดูแลตนเองและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลประสาทเชียงใหม่. สืบค้นจาก https://www.cmneuro.go.th/TH/research/63-Full%20Paper-สุทิน%20มณีชมภู.pdf
Chaknum, P., Harnirattisai, T., Somprasert, C., & Chiang, L. C. (2023). Development of the family-based care model for stroke survivors to promote healthy family dynamics: Participatory action research. Pacific Rim International Journal of Nursing Research, 27(2), 244–259. Retrieved from https://he02.tci-thaijo.org/index.php/PRIJNR/article/view/262033/178722
Hamzat, T. K., Agbomeji, O., & Peters, G. O. (2009). Relationship between functional abilities confidence level and performance of motor function after stroke. Journal of the Nigeria Society of Physiotherapy, 17(1), 7–10. Retrieved from https://www.researchgate.net/publication/228500103
Horne, J. C., Lincoln, N. B., & Logan, P. A. (2017). Measurement of confidence: The development and psychometric evaluation of a stroke-specific, measure of confidence. Clinical Rehabilitation, 31(11), 1529–1537. Retrieved from https://journals.sagepub.com/doi/pdf/10.1177/0269215517705424
Korpershoek, C., van der Bijl, J., & Hafsteinsdóttir, T. B. (2011). Self-efficacy and its influence on recovery of patients with stroke: A systematic review. Journal of Advanced Nursing, 67(9), 1876–1894. doi:10.1111/j.1365-2648.2011.05659.x
Kurniawati, N. D., Rihi, P. D., & Wahyuni, E. D. (2020). Relationship of family and self efficacy support to the rehabilitation motivation of stroke patients. EurAsian Journal of BioSciences, 14(1), 2427–2430. Retrieved from https://www.proquest.com/openview/35e83278b529e88afcbf2452f2198daa/1?pq-origsite=gscholar&cbl=2042720
Williams, R. M. (1997). The Functional Abilities Confidence Scale (FACS) and the Resumption of Activities of Daily Living (RADL) Scale for injured workers with low back pain (Doctoral dissertation). Ontario: University of Waterloo.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน