ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตของผู้ป่วยเบาหวานในอำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี
คำสำคัญ:
ภาวะแทรกซ้อนทางไต, โรคเบาหวาน, พฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตของผู้ป่วยเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวานในอำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 355 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบสอบถามข้อมูลส่วนปัจจัยบุคคล แบบสอบถามความรู้เรื่องพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต มีค่าความเชื่อมั่น .70 แบบสอบถามการรับรู้ 4 ด้าน มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ในช่วง .72–.82 แบบสอบถามการเข้าถึงแหล่งบริการและทรัพยากรด้านสาธารณสุข มีค่าความเชื่อมั่น .73 แบบสอบถามการได้รับข้อมูลข่าวสารจากบุคลากรสาธารณสุข มีค่าความเชื่อมั่น .90 แบบสอบถามการได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัว มีค่าความเชื่อมั่น .79 และแบบสอบถามพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตของผู้ป่วยเบาหวาน มีค่าความเชื่อมั่น .83 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม 2562 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานมีพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตในระดับสูง คิดเป็นร้อยละ 63.94 อายุ ความรู้เรื่องพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต การรับรู้อุปสรรคของการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต การเข้าถึงแหล่งบริการและทรัพยากรด้านสาธารณสุข และการได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัว สามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไตของผู้ป่วยเบาหวานได้ร้อยละ 31.20 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (R2 = .312, p < .05) โดยตัวแปรที่สามารถทำนายได้มากที่สุด คือ การรับรู้อุปสรรคของการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต (Beta = -.259, p < .001) รองลงมา คือ การได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัว (Bata = .247, p < .001) ความรู้เรื่องพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต (Bata = .193, p < .001) อายุ (Bata = .167, p < .001) และการเข้าถึงแหล่งบริการและทรัพยากรด้านสาธารณสุข (Bata = .158, p < .01) ตามลำดับ
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรสาธารณสุขควรสนับสนุนให้สมาชิกในครอบครัวผู้ป่วยเบาหวานมีส่วนร่วมในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต เช่น การจัดอาหารที่เหมาะสมกับโรค รวมถึงช่วยลดการรับรู้อุปสรรคของการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต
เอกสารอ้างอิง
เกษม ดำนอก, และสมจิต แดนสีแก้ว. (2560). การจัดการตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 35(1), 91–99.
จิรพรรณ ผิวนวล, และประทุม เนตรินทร์. (2561). พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางแก้วใน ตำบลบางแก้ว อำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี, 1(2), 46–61.
ดุษฎี จันทรบุศย์. (2558). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีและไม่มีภาวะแทรกซ้อนโรคไตเรื้อรังในเครือข่ายสถานบริการสุขภาพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ทองมี ผลาผล, ภคินี ศรีสารคาม, และรัตนาพร ศรีสารคาม. (2565). ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาลทหารบก, 23(1), 455–462.
เนตรนภา สาสังข์, ทัศพร ชูศักดิ์, และเมธี สุทธศิลป์. (2560). พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้สูงอายุโรคเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนโรคไต อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ, 10(36), 46–52.
ปิยฉัตร์ เมืองจันทร์. (2555). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของไตในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
ภทรพรรณ อุณาภาค, และขวัญชัย รัตนมณี. (2558). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางไต ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังของโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จังหวัดสมุทรสงคราม. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา, 10(2), 44–54.
รื่นจิต เพชรชิต. (2558). พฤติกรรมการดูแลตนเองและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 2(2), 15–28.
โรงพยาบาลทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี. (2561). ข้อมูล HDC สรุปจำนวนผู้ป่วยเบาหวานในอำเภอทัพทัน. อุทัยธานี: ผู้แต่ง.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย. (2560). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2560 (พิมพ์ครั้งที่ 3). ปทุมธานี: ร่มเย็น มีเดีย.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี. (2561). กลุ่มรายงานมาตรฐาน ข้อมูลเพื่อตอบสนอง Service plan สาขาไต ศูนย์ข้อมูลสุขภาพ 43 แฟ้ม. สืบค้นจาก https://uti.hdc.moph.go.th
สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2565). กรมควบคุมโรค เผยสถานการณ์โรคเบาหวานทั่วโลก มีผู้ป่วยแล้ว 537 ล้านคน มีส่วนทำให้เสียชีวิต สูงถึง 6.7 ล้านคน หรือเสียชีวิต 1 ราย ในทุกๆ 5 วินาที. สืบค้นจาก https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/181256
อ้อมใจ แต้เจริญวิริยะกุล, และกิตติยา ศิลาวงศ์ สุวรรณกูฏ. (2559). การรับรู้ และพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ, 9(2), 331–338.
Becker, M. H., & Maiman, L. A. (1975). Sociobehavioral determinants of compliance with health and medical care recommendations. Medical Care, 13(1), 10–24. doi:10.1097/00005650-197501000-00002
Daniel, W. W. (1995). Biostatistics: A foundation for analysis in the health sciences (6th ed.). New York: John Wiley & Sons.
Green, L. W., & Kreuter, M. W. (2005). Health program planning: An educational and ecological approach (4th ed.). New York: McGraw-Hill.
Lee, S. J., & Chung, C. W. (2014). Health behaviors and risk factors associated with chronic kidney disease in Korean patients with diabetes: The Fourth Korean National Health and Nutritional Examination Survey. Asian Nursing Research, 8(1), 8–14. doi:10.1016/j.anr.2013.11.001
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน