การพัฒนาและการศึกษาผลของรูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก

ผู้แต่ง

  • สรชา วานิชมนตรี วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • บุศริน เอี่ยวสีหยก วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก

คำสำคัญ:

รูปแบบการจัดการตนเอง, ภาวะอ้วน, การลดความอ้วน, ประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนารูปแบบและศึกษาผลของรูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก ชั้นปีที่ 2–3 วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ดำเนินการ 5 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ประเมินความอ้วนและประสบการณ์ในการลดความอ้วนในกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 25 คน ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในนักศึกษาพยาบาล ระยะที่ 3 ทดลองความเป็นไปได้ของการใช้รูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในกลุ่มทดลอง จำนวน 13 คน ระยะที่ 4 ปรับปรุงและทดลองใช้รูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วน และระยะที่ 5 ประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในกลุ่มทดลอง จำนวน 10 คน และกลุ่มควบคุม จำนวน 12 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย รูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก คู่มือบันทึกการจัดการตนเองเพื่อการลดความอ้วน แบบประเมินความอ้วน เครื่องชั่งน้ำหนัก สายวัด คาลิเปอร์ และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมีนาคม 2562 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์ประเด็นหลัก สถิติ Mann-Whitney U Test, Wilcoxon signed-rank test และ Fisher’s exact test

ผลการวิจัยพบว่า 1) ได้รูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก มีองค์ประกอบหลัก ได้แก่ การจัดการด้านอาหาร การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน การนอนหลับ และการจัดการความเครียด 2) หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยน้ำหนัก ค่าเฉลี่ยดัชนีมวลกาย ค่าเฉลี่ยรอบเอว และค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ไขมัน ต่ำกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .01) และ 3) กลุ่มทดลองมีผลสำเร็จของการลดความอ้วนในส่วนน้ำหนักและเปอร์เซ็นต์ไขมันมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05)

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรสุขภาพและผู้บริหารการศึกษาควรนำรูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนนี้ไปใช้กับนักศึกษาที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก โดยมุ่งเน้นที่การมีวินัยในตนเอง มีกลยุทธ์ในการปรับพฤติกรรม และมีการติดตามความอ้วนด้วยตนเอง เพื่อให้เกิดพฤติกรรมในการลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2559). แผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (ด้านสาธารณสุข). สืบค้นจาก http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER2/DRAWER023/GENERAL/

เกรียงศักดิ์ สมบัติ สุรนาถวัชวงศ์, ไพบูลย์ พงษ์แสงพันธ์, และกาญจนา พิบูลย์. (2563). ประสิทธิผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อภาวะอ้วนของบุคลากรคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. บูรพาเวชสาร, 7(2), 23–38.

ชดช้อย วัฒนะ. (2558). การสนับสนุนการจัดการตนเอง: กลยุทธ์ในการส่งเสริมการควบคุมโรค. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 26(เพิ่มเติม 1), 117–127.

ชลวิภา สุลักขณานุรักษ์, และอูน ตะสิงห์. (2564). ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการลดน้ำหนักของผู้ที่มีภาวะอ้วน. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 30(4), 614–622.

ชาย โพธิสิตา. (2564). ศาสตร์และศิลป์การวิจัยเชิงคุณภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

นพรัตน์ มีจินดา, ชมพูนุท สิริพรหมภัทร, และกิรณา แต้อารักษ์. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีมวลกายของนักศึกษาวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน, 3(1), 83–94.

ปราณี จันธิมา, และสมเกียรติ ศรีธาราธิคุณ. (2560). ผลของการสนับสนุนการจัดการตนเองต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงโรคอ้วนลงพุง. พยาบาลสาร, 44(2), 162–171.

ยุภา โพผา, สุวิมล แสนเวียงจันทร์, มณฑา ลิ้มทองกุล, ศิปภา ภุมมารักษ์, กัลยภรณ์ เชยโพธิ์, และสุจิตรา หัดรัดชัย. (2565). อุปสรรคและแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ที่อ้วนลงพุง. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี, 30(1), 24–34.

วรุณีย์ สีม่วงงาม, และอนุชา เพียรชนะ. (2558). ผลของโปรแกรมลดน้ำหนักโดยประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้สมรรถนะแห่งตน ทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ร่วมกับทฤษฎีแรงสนับสนุนทางสังคมของนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะน้ำหนักเกินมาตรฐาน มหาวิทยาลัยราชธานี. วารสารราชพฤกษ์, 13(2), 115–123.

วิชัย เอกพลากร, หทัยชนก พรรคเจริญ, และวราภรณ์ เสถียรนพเก้า. (2564). การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562–2563. สืบค้นจาก https://www.hsri.or.th/researcher/research/new-release/detail/13461

สุภาพร ทิพย์กระโทก, และธนิดา ผาติเสนะ. (2563). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเอง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ค่าดัชนีมวลกาย และเส้นรอบเอว ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่มีภาวะอ้วนลงพุง. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9, 14(34), 210–223.

อรพินท์ สีขาว, อภิรมย์ฤดี สมสวย, ศิริญญา ธนะขว้าง, ปรางค์ทอง คุณเที่ยง, นันทัชพร ต๊อดแก้ว, ฐิตาภา บุญมีประเสริฐ, … ณิชาภัทร บุรีเลิศ. (2561). พฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของนักศึกษาพยาบาลที่มีดัชนีมวลกายเกินมาตรฐาน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ. วารสาร มฉก.วิชาการ, 22(43–44), 1–12.

อรรถพงษ์ ชุ่มเขียว, กาญจนา ทองบุญนาค, อุบล ชื่นสำราญ, และณัฐิยา ตันตรานนท์. (2562). ประสิทธิผลของโปรแกรมควบคุมน้ำหนักที่เน้นเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารในนักศึกษาที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน. พยาบาลสาร, 46(3), 106–117.

อรวรรณ ประภาศิลป์, ชดช้อย วัฒนะ, และทิพาพร ธาระวานิช. (2556). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสมรรถนะในการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเอง ภาวะอ้วน ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และการหายจากภาวะเมตาบอลิกซินโดรมในผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม. พยาบาลสาร, 40(1), 34–48.

Akinyemiju, T., Moore, J. X., Pisu, M., Judd, S. E., Goodman, M., Shikany, J. M., … Gilchrist, S. C. (2018). A prospective study of obesity, metabolic health, and cancer mortality. Obesity, 26(1), 193–201. doi:10.1002/oby.22067

Creer, L. T. (2000). Self-management of chronic illness. In M. Boekaerts, P. R. Printrich, & M. Zeidner, (Eds.). Handbook of self-regulation (pp. 601–629). San Diego, CA: Academic Press.

Hall, K. D., & Kahan, S. (2018). Maintenance of lost weight and long-term management of obesity. The Medical Clinics of North America, 102(1), 183–197. doi:10.1016/j.mcna.2017.08.012

Hoare, E., Millar, L., Fuller-Tyszkiewicz, M., Skouteris, H., Nichols, M., Malakellis, M., … Allender, S. (2016). Depressive symptomatology, weight status and obesogenic risk among Australian adolescents: A prospective cohort study. BMJ Open, 6(3), e010072.

Krupa-Kotara, K., & Dakowska, D. (2021). Impact of obesity on risk of cancer. Central European Journal of Public Health, 29(1), 38–44. doi:10.21101/cejph.a5913

Lopez-Sandoval, J., Sanchez-Enriquez, S., Rivera-Leon, E. A., Bastidas-Ramirez, B. E., Garcia-Garcia, M. R., & Gonzalez-Hita, M. E. (2018). Cardiovascular risk factors in adolescents: Role of insulin resistance and obesity. Acta Endocrinologica, 14(3), 330–337. doi:10.4183/aeb.2018.330

Peterson, N. D., Middleton, K. R., Nackers, L. M., Medina, K. E., Milsom, V. A., & Perri, M. G. (2014). Dietary self-monitoring and long-term success with weight management. Obesity (Silver Spring, Md.), 22(9), 1962–1967. doi:10.1002/oby.20807

van Vuuren, C. L., Wachter, G. G., Veenstra, R., Rijnhart, J. J. M., van der Wal, M. F., Chinapaw, M. J. M., & Busch, V. (2019). Associations between overweight and mental health problems among adolescents, and the mediating role of victimization. BMC Public Health, 19(1), 612. doi:10.1186/s12889-019-6832-z

Varkevisser, R. D. M., van Stralen, M. M., Kroeze, W., Ket, J. C. F., & Steenhuis, I. H. M. (2019). Determinants of weight loss maintenance: A systematic review. Obesity Reviews, 20(2), 171–211. doi:10.1111/obr.12772

World Obesity Federation. (2022). World obesity atlas 2022. Retrieved from https://www.worldobesityday.org/assets/downloads/World_Obesity_Atlas_2022_WEB.pdf

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-06-15

รูปแบบการอ้างอิง

วานิชมนตรี ส., & เอี่ยวสีหยก บ. (2022). การพัฒนาและการศึกษาผลของรูปแบบการจัดการตนเองเพื่อลดความอ้วนในนักศึกษาพยาบาลที่มีภาวะอ้วนและมีประสบการณ์ความล้มเหลวในการลดน้ำหนัก. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 33(1), 192–210. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/256303

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานการวิจัย (Research Report)