ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ได้รับยาเคมีบำบัด

ผู้แต่ง

  • สิริยา ชาลีเครือ คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  • สุรีพร ธนศิลป์ คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คำสำคัญ:

ความเหนื่อยล้า, ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก, ยาเคมีบำบัด

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบหาความสัมพันธ์ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับฮีโมโกลบิน กิจกรรมทางกาย และภาวะโภชนาการ กับความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ได้รับยาเคมีบำบัด กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่มารับบริการที่หน่วยเคมีบำบัด โรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ รวมจำนวน 136 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคล แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรม มีค่าความเชื่อมั่น .72 แบบประเมินภาวะโภชนาการ มีค่าความเชื่อมั่น .70 และแบบประเมินความเหนื่อยล้าของไปเปอร์ มีค่าความเชื่อมั่น .91 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม 2563 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน

ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมีคะแนนเฉลี่ยความเหนื่อยล้าโดยรวมในระดับปานกลาง (M = 5.17, SD = .68) ระดับฮีโมโกลบิน กิจกรรมทางกาย และภาวะโภชนาการ มีความสัมพันธ์ทางลบกับความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -.224, p < .01; r = -.306, p < .001 และ r = -.299, p < .001 ตามลำดับ)

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า พยาบาลควรประเมินความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักทุกครั้งที่มารับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด และร่วมมือกับผู้ป่วยในการจัดการความเหนื่อยล้า

เอกสารอ้างอิง

กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2560). สถิติสาธารณสุข พ.ศ. 2559. นนทบุรี: ผู้แต่ง.

กิตติกร นิลมานัต, ขนิษฐา นาคะ, วิภาวี คงอินทร์, เอมอร แซ่จิว, พัชรียา ไชยลังกา, และปิยะภรณ์ บุญพัฒน์. (2556). ภาวะโภชนาการของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้. วารสารสภาการพยาบาล, 28(1), 75–84.

กุลธิดา หุมอาจ. (2561). ปัจจัยทำนายความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยหลังการเกิดโรคหลอดเลือดสมองระยะแรก (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

จุฬาภรณ์ จตุปาริสุทธิ์, และวารุณี รัตโนทัย. (2553). อุบัติการณ์ของภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยโรคมะเร็งนอกระบบโลหิตวิทยาที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดในโรงพยาบาลกลาง. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า, 27(4), 211–221.

ชยุต ใหม่เขียว, และเดชา ทำดี. (2553). ผลของการใช้แนวปฏิบัติการป้องกันภาวะเยื่อบุช่องปากอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด. พยาบาลสาร, 37(1), 86–95.

ประไพ เชิงทวี, และสุวรรณี สิริเลิศตระกูล. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ได้รับยาเคมีบำบัด: กรณีศึกษาที่หน่วยมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี. ศรีนครินทร์เวชสาร, 32(1), 63–70.

ปรารถนา ฉั่วตระกูล, ศิริรัตน์ ปานอุทัย, และทศพร คำผลศิริ. (2556). อาการเหนื่อยล้าในผู้ป่วยสูงอายุโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ได้รับเคมีบำบัดและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง. พยาบาลสาร, 40(3), 62–74.

พัชรินทร์ แก้วรัตน์, วรรณา ฉายอรุณ, และวาสินี วิเศษฤทธิ์. (2560). ประสบการณ์ชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ขณะรักษาด้วยเคมีบำบัด. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย ฉบับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 11(1), 224–234.

เพียงใจ ดาโลปการ. (2545). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ภัทริกา ปัญญา, จงจิต เสน่หา, วิมลรัตน์ ภู่วราวุฒิพานิช, และนพดล โสภารัตนาไพศาล. (2559). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะโภชนาการของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงที่ได้รับยาเคมีบำบัด. วารสารพยาบาลศาสตร์, 34(1), 66–76.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. (2558). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2556. กรุงเทพฯ: บีทีเอส เพรส.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. (2559). ทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล พ.ศ. 2557. กรุงเทพฯ: พรทรัพย์การพิมพ์.

อวยพร สวัสดี. (2557). ปัจจัยคัดสรรที่สัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

อังศวีร์ ภณทองสมพงษ์, พรรณวดี พุธวัฒนะ, และธิราภรณ์ จันทร์ดา. (2557). ภาวะโภชนาการและการเปลี่ยนแปลงแบบแผนการบริโภคของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ได้รับยาเคมีบำบัด. วารสารโรคมะเร็ง, 34(3), 117–128.

American Cancer Society. (2018). Colorectal cancer stages. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/colon-rectal-cancer/detection-diagnosis-staging/staged.html

American Cancer Society. (2023). Key statistics for colorectal cancer. Retrieved from https://www.cancer.org/cancer/types/colon-rectal-cancer/about/key-statistics.html

Goedendorp, M. M., Gielissen, M. F., Verhagen, C. A., Peters, M. E., & Bleijenberg, G. (2008). Severe fatigue and related factors in cancer patients before the initiation of treatment. British Journal of Cancer, 99(9), 1408–1414. doi:10.1038/sj.bjc.6604739

Heras, P., Hatzopoulos, A., Kritikos, K., & Karagiannis, S. (2009). Level of fatigue in colorectal cancer patients (ccp) receiving adjuvant chemotherapy. Journal of Clinical Oncology, 27(15), e20612. Retrieved from https://ascopubs.org/doi/10.1200/jco.2009.27.15_suppl.e20612

Hofman, M., Ryan, J. L., Figueroa-Moseley, C. D., Jean-Pierre, P., & Morrow, G. R. (2007). Cancer-related fatigue: The scale of the problem. The Oncologist, 12(Suppl. 1), 4–10. doi:10.1634/theoncologist.12-S1-4

Inra, J. A., & Syngal, S. (2015). Colorectal cancer in young adults. Digestive Diseases and Sciences, 60(3), 722–733. doi:10.1007/s10620-014-3464-0

Pettersson, G., Berterö, C., Unosson, M., & Börjeson, S. (2014). Symptom prevalence, frequency, severity, and distress during chemotherapy for patients with colorectal cancer. Supportive Care in Cancer, 22(5), 1171–1179. doi:10.1007/s00520-013-2069-z

Piper, B. F. (1993). Fatigue. In V. Carrieri-Kohlman, A. M. Lindsey, & C. M. West (Eds.), Pathophysiological phenomena in nursing: Human responses to illness (pp. 279–302). Philadelphia: W.B. Saunders.

Piper, B. F., Dibble, S. L., Dodd, M. J., Weiss, M. C., Slaughter, R. E., & Paul, S. M. (1998). The revised Piper Fatigue Scale: Psychometric evaluation in women with breast cancer. Oncology Nursing Forum, 25(4), 677–684. Retrieved from https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/9599351/

Piper, B. F., Lindsey, A. M., & Dodd, M. J. (1987). Fatigue mechanisms in cancer patients: Developing nursing theory. Oncology Nursing Forum, 14(6), 17–23. Retrieved from https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/3320981/

Polit, D. F., & Hungler, B. P. (1999). Nursing research: Principles and methods (6th ed.). Philadelphia: Lippincott.

Ream, E., & Richardson, A. (1999). From theory to practice: Designing interventions to reduce fatigue in patients with cancer. Oncology Nursing Forum, 26(8), 1295–1303. Retrieved from https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/10497769/

Richardson, A., Ream, E., & Wilson-Barnett, J. (1998). Fatigue in patients receiving chemotherapy: Patterns of change. Cancer Nursing, 21(1), 17–30. doi:10.1097/00002820-199802000-00003

Spichiger, E., Müller-Fröhlich, C., Denhaerynck, K., Stoll, H., Hantikainen, V., & Dodd, M. (2011). Prevalence of symptoms, with a focus on fatigue, and changes of symptoms over three months in outpatients receiving cancer chemotherapy. Swiss Medical Weekly, 141, 1–11. doi:10.4414/smw.2011.13303

Vardy, J. L., Dhillon, H. M., Pond, G. R., Renton, C., Dodd, A., Zhang, H., ... Tannock, I. F. (2016). Fatigue in people with localized colorectal cancer who do and do not receive chemotherapy: A longitudinal prospective study. Annals of Oncology, 27(9), 1761–1767. doi:10.1093/annonc/mdw252

World Cancer Research Fund International. (2018). Global cancer statistics for the most common cancers. Retrieved from https://www.wcrf.org/dietandcancer/cancer-trends/worldwide-cancer-data

World Health Organization. (2018). Cancer. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/cancer

Wu, H.-S., Dodd, M., & Cho, M. H. (2008). Patterns of fatigue and effect of exercise in patients receiving chemotherapy for breast cancer. Oncology Nursing Forum, 35(5), 90–99. doi:10.1188/08.ONF.E90-E99

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2023-10-22

รูปแบบการอ้างอิง

ชาลีเครือ ส., & ธนศิลป์ ส. (2023). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ได้รับยาเคมีบำบัด. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 34(2), 56–68. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/250940