การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมองในโรงพยาบาลชุมชน
คำสำคัญ:
รูปแบบการดูแล, ผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมอง, โรงพยาบาลชุมชนบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมองในโรงพยาบาลชุมชน และประเมินประสิทธิผลของการใช้รูปแบบ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมองที่มารับการรักษาที่ห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลเขาสุกิม จำนวน 15 คน และพยาบาล จำนวน 12 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย รูปแบบการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมองในโรงพยาบาลชุมชน คู่มือการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมองในโรงพยาบาลชุมชน แผ่นพับให้ความรู้ แบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แบบประเมินการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมองในโรงพยาบาลชุมชน และแบบประเมินความพึงพอใจต่อรูปแบบการดูแลของผู้ป่วยหรือญาติ มีค่าความเชื่อมั่น .80 ดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล 5 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษา/รวบรวมข้อมูลปัญหาและอุปสรรคในการดูแล 2) พัฒนารูปแบบการดูแล 3) ทดลองใช้รูปแบบการดูแล 4) ปรับปรุง/พัฒนารูปแบบการดูแล และ 5) นำรูปแบบการดูแลไปใช้จริง และประเมินประสิทธิผล ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน 2562 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่และร้อยละ และวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมองในโรงพยาบาลชุมชน ประกอบด้วยการดูแล 4 ขั้นตอน ได้แก่ การคัดกรอง การติดตามและการดูแลต่อเนื่อง การส่งต่อ และการจำหน่าย หลังการพัฒนาครั้งที่ 1 ผู้ป่วยเกือบทุกคนได้รับการดูแลไม่ครบถ้วนตามรูปแบบ เนื่องจากผู้ปฏิบัติไม่เข้าใจรูปแบบ อย่างลึกซึ้ง หลังการพัฒนาครั้ง 2 ผู้ป่วยทุกคนได้รับการดูแลครบถ้วนตามรูปแบบ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาพยาบาลล่าช้า และทุกคนไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการบาดเจ็บทางสมอง
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า พยาบาลในโรงพยาบาลชุมชนควรนำรูปแบบการดูแลผู้ป่วย บาดเจ็บทางสมองในโรงพยาบาลชุมชน ไปใช้เป็นแนวทางในการดูแลและป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางสมองในผู้ป่วยบาดเจ็บทางสมอง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความรุนแรงระดับเล็กน้อยที่มีความเสี่ยงต่ำและความเสี่ยงปานกลาง
เอกสารอ้างอิง
งานการพยาบาลผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินและนิติเวช โรงพยาบาลเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี. (2559). สถิติผู้ป่วยที่มารับบริการ (ER visit) ปีงบประมาณ 2559. จันทบุรี: ผู้แต่ง.
บุบผา ลาภทวี, และจิณพิชญ์ชา มะมม. (2558). ปัจจัยทำนายระดับการเฝ้าระวังและป้องกันภาวะเลือดออกในสมองของผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 23(6), 1023-1032.
รัตนา กองสุทธิผล, และอริยาวรรณ วรรณสีทอง. (2560). ผลการใช้แนวทางการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย. สืบค้นจาก https://www.cbh.moph.go.th
ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย. (2551). แนวทางการรักษาพยาบาลผู้ป่วยทางศัลยกรรม: บาดเจ็บที่ศีรษะ (Head injury). สืบค้นจาก https://www.rcst.or.th
วิบูลย์ เตชะโกศล. (2557). ประสิทธิผลของการพัฒนาระบบทางด่วนพิเศษในผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะ. ศรีนครินทร์เวชสาร, 29(6), 524-529.
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ. (2562). คู่มือแนวทางการบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินระดับจังหวัด ฉบับที่ 1 พ.ศ. 2562. นนทบุรี: ปัญญมิตรการพิมพ์.
สวิง ปันจัยสีห์, นครชัย เผื่อนปฐม, และกุลพัฒน์ วีรสาร. (2556). แนวทางเวชปฏิบัติกรณีสมองบาดเจ็บ. กรุงเทพฯ: ธนาเพรส.
อัญชลี ถิ่นเมืองทอง, อรทัย ศิลป์ประกอบ, ศรีวรรณ มีบุญ, และเยาวรัตน์ รุ่งสว่าง. (2559). การพัฒนาระบบการพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะจากอุบัติเหตุทางถนนในโรงพยาบาลปทุมธานีโดยใช้แนวคิดการพยาบาลผู้จัดการรายกรณีในห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉิน. วารสารกองการพยาบาล, 43(3), 5-24.
Dams-O’Connor, K., Landau, A., Hoffman, J., & St De Lore, J. (2018). Patient perspectives on quality and access to healthcare after brain injury. Brain Injury, 32(4), 431-441.
Johnson, W. D., & Griswold, D. P. (2017). Traumatic brain injury: A global challenge. The Lancet Neurology, 16(12), 949-950.
Katz, D., & Kahn, R. L. (1978). The social psychology of organizations (2nd ed.). New York: Wiley.
National Institute of Child Health and Human Development. (2016). Traumatic brain injury. Retrieved from https://www.nichd.nih.gov/health/topics/tbi
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน