ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้เป็นโรคเรื้อรัง จังหวัดชลบุรี
คำสำคัญ:
พฤติกรรมการป้องกันโรค, โรคหลอดเลือดสมอง, ผู้เป็นโรคเรื้อรังบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันโรค หลอดเลือดสมอง และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้เป็นโรคเรื้อรัง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้เป็นโรคเรื้อรังที่เข้ารับการรักษาในคลินิกโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดชลบุรี จำนวน 208 คน เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถาม แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล การรับรู้ต่อโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ในช่วง .87–.95 การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรค มีค่าความเชื่อมั่น .89 และพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าความเชื่อมั่น .90 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนธันวาคม 2561 ถึงเดือนมกราคม 2562 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า การรับรู้ประโยชน์ในการป้องกันโรค การรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรค และการได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรค สามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้ร้อยละ 22.40 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (R2 = .224, p < .001) โดยการรับรู้อุปสรรคในการป้องกันโรคสามารถทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองได้มากที่สุด (Beta = -.340, p < .001) รองลงมา คือ การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรค (Beta = .230, p < .001) และการรับรู้ประโยชน์ในการป้องกันโรค (Beta = .190, p < .01) ตามลำดับ
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรทางสุขภาพควรนำผลการวิจัยไปใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองที่เหมาะสม โดยประเมินการรับรู้อุปสรรคของผู้ป่วย ส่งเสริมให้ได้รับข้อมูลข่าวสาร และชี้ให้เห็นประโยชน์ของการปฏิบัติพฤติกรรมการป้องกันโรค
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. (2560). รายงานประจำปี 2560. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.
กันยารัตน์ อุ๋ยสกุล, และชนกพร จิตปัญญา. (2555). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรค ความดันโลหิตสูงในภาคใต้ ประเทศไทย. วารสารพยาบาลตำรวจ, 4(1), 15–26. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/index.php/policenurse/article/view/23384/19956
ทิพวรรณ์ ประสานสอน. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้การเกิดโรคและพฤติกรรมการป้องกันโรคในบุคคลที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 31(2), 36–43. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/index.php/jnat-ned/article/view/15381/14065
ปรารถนา วัชรานุรักษ์. (2560). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง จังหวัดสงขลา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(1), 217–233. สืบค้นจาก https://www.tci-thaijo.org/index.php/scnet/article/download/74883/60405
วาสนา เหมือนมี. (2557). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 9(2), 156–165.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี. (2560). กลุ่มรายงานมาตรฐาน การป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ. สืบค้นจาก http://hdc2.cbo.moph.go.th/hdc/main/index_pk.php
สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข. (2560). สถิติสาธารณสุข 2560. นนทบุรี: ผู้แต่ง.
สุทัสสา ทิจะยัง. (2557). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นครปฐม: มหาวิทยาลัยคริสเตียน. สืบค้นจาก http://library.christian.ac.th/thesis/document/T035797.pdf
อรุณี สมพันธ์, แสงทอง ธีระทองคำ, นพวรรณ เปียซื่อ, และสมนึก สกุลหงส์โสภณ. (2558). ปัจจัยทำนาย พฤติกรรมการป้องกันโรคเบาหวานในผู้ที่เสี่ยงต่อเบาหวาน. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 21(1), 96–109.
Becker, M. H. (1974). The health belief model and personal health behavior. Thorofare, NJ: Charles B. Slack.
Harmsen, P., Lappas, G., Rosengren, A., & Wilhelmsen, L. (2006). Long-term risk factors for stroke: Twenty-eight years of follow-up of 7457 middle-aged men in Goteborg, Sweden. Stroke, 37(7), 1663–1667.
Lemeshow, S., Hosmer, D. W., Klar, J., & Lwanga, S. K. (1990). Adequacy of sample size in health studies. Chichester: John Wiley & Sons.
Stamler, J., Vaccaro, O., Neaton, J. D., & Wentworth, D. (1993). Diabetes, other risk factors, and 12-yr cardiovascular mortality for men screened in the multiple risk factor intervention trial. Diabetes Care, 16(2), 434–444.
World Stroke Organization. (2014). Annual report 2014. Retrieved from https://www.world-stroke.org/assets/downloads/WSO_Annual_REPORT_2014.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2020 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน