การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริงเพื่อส่งเสริมการรับรู้ความสามารถ ในการใช้กระบวนการพยาบาลของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง, การรับรู้ความสามารถของตนเอง, กระบวนการพยาบาล, นักศึกษาพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง และเพื่อศึกษาประสิทธิผลของการใช้รูปแบบต่อการรับรู้ความสามารถในการใช้กระบวนการพยาบาลของนักศึกษาพยาบาล กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาล ชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ปีการศึกษา 2560 จำนวน 117 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แนวคำถามในการสนทนากลุ่ม รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง สถานการณ์เสมือนจริง หุ่นมนุษย์เสมือนจริง อุปกรณ์ทางการแพทย์ แบบสอบถามการรับรู้ความสามารถในการใช้กระบวนการพยาบาล มีค่าความเชื่อมั่น .96 และแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริง มีค่าความเชื่อมั่น .95 ดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล 6 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษา/รวบรวมข้อมูล 2) สร้างรูปแบบ 3) ทดลองใช้รูปแบบ 4) ปรับปรุง/พัฒนารูปแบบ 5) นำรูปแบบที่ปรับปรุง/พัฒนาแล้วไปใช้จริง และ 6) ประเมินประสิทธิผลของรูปแบบ ในช่วงวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา สถิติ paired t-test ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริงประกอบด้วย 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์การจัดการเรียนรู้ ระยะที่ 2 การจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริงเพื่อส่งเสริมการรับรู้ความสามารถในการใช้กระบวนการพยาบาล และระยะที่ 3 การสะท้อนคิดและประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ 2) หลังการเรียนรู้ นักศึกษาพยาบาลมีคะแนนเฉลี่ยการรับรู้ความสามารถในการใช้กระบวนการพยาบาลสูงกว่าก่อนการเรียนรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 6.232, p < .001) และ 3) นักศึกษาพยาบาลมีคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริงโดยรวมในระดับมาก (M = 4.38, SD = .46)
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า อาจารย์พยาบาลควรนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์เสมือนจริงจากการวิจัยครั้งนี้ไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาภาคปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาพยาบาลมีการรับรู้ความสามารถในการใช้กระบวนการพยาบาลเพิ่มขึ้น
เอกสารอ้างอิง
มาลินี บุญเกิด, ฤทัยรัตน์ มั่งอะนะ, และสุกัญญา กระเบียด. (2558). ผลของการจัดการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์เสมือนจริงต่อความมั่นใจและทักษะในการดูแลผู้ป่วยวิกฤติ. สืบค้นจาก https://administer.pi.ac.th/uploads/eresearcher/upload_doc/2015/proceeding/1444373072220903004511.pdf
วงเดือน สุวรรณคีรี, อรพิน จุลมุสิ, และฐิติอาภา ตั้งค้าวานิช. (2559). การจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์จำลองสำหรับนิสิตนักศึกษาพยาบาล. วารสารพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 28(2), 1-14.
วารุณี สุวรวัฒนกุล, และยศพล เหลืองโสมนภา. (2551). อิทธิพลของการรับรู้ความสามารถของตนเองในการใช้กระบวนการพยาบาล และความคาดหวังในผลการใช้กระบวนการพยาบาล ต่อการใช้กระบวนการพยาบาลของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 19(1), 58-67.
ศุภรัตน์ แจ่มแจ้ง, วิภารัตน์ ยมดิษฐ์, บำเพ็ญ พงศ์เพชรดิถ, ดวงแข พิทักษ์สิน, ปิยะนาฏ ช่างเสียง, และอังคณา หมอนทอง. (2560). ผลการเตรียมความพร้อมในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้สถานการณ์จำลองเสมือนจริงต่อการรับรู้ความสามารถในการปฏิบัติการพยาบาลบนหอผู้ป่วย. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 27(พิเศษ), 46-58.
สมจิตต์ สินธุชัย, กันยารัตน์ อุบลวรรณ, และสุนีย์รัตน์ บุญศิลป์. (2560). ผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้สถานการณ์จำลองเสมือนจริงต่อความรู้ ความพึงพอใจ และความมั่นใจในตนเองของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 4 ในการฝึกปฏิบัติรายวิชาฝึกทักษะทางวิชาชีพก่อนสำเร็จการศึกษา. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 23(1), 113-127.
Bandura, A. (1977). Self-efficacy: Toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review, 84(2), 191-215.
Bandura, A. (1986). Social foundations of thought and action: A social cognitive theory. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Bandura, A. (1997). Self-efficacy: The exercise of control. New York: W. H. Freeman.
Bandura, A., & Jourden, F. J. (1991). Self-regulatory mechanisms governing the impact of social comparison on complex decision making. Journal of Personality and Social Psychology, 60(6), 941-951.
Jeffries, P. R. (2005). A framework for designing, implementing, and evaluating: Simulations used as teaching strategies in nursing. Nursing Education Perspectives, 26(2), 96-103.
Kolb, A. Y., & Kolb, D. A. (2009). Experiential learning theory: A dynamic, holistic approach to management learning, education and development. In S. J. Armstrong & C. V. Fukami (Eds.), The SAGE handbook of management learning, education and development (pp. 42-68). Thousand Oaks, CA: SAGE.
Kolb, D. A. (1984). Experiential: Experience as the source of learning and development. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Kolb, D. A. (1994). Learning styles and disciplinary differences. In K. A. Feldman & M. B. Paulsen (Eds.), Teaching and learning in the college classroom (pp. 151-164). Needham Heights, MA: Ginn Press.
Lundberg, K. M. (2008). Promoting self-confidence in clinical nursing students. Nurse Educator, 33(2), 86-89.
Winum, A. (2017). BSN students’ satisfaction and self-confidence in simulation-based learning (Undergraduate Honors Thesis). Boiling Springs, NC: Gardner-Webb University. Retrieved from https://digitalcommons.gardner-webb.edu/cgi/viewcontent.cgi?article=1010&context=undergrad-honors
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2019 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน