การศึกษาความคลาดเคลื่อนทางยาจากการสั่งจ่ายยาโดยบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มิใช่แพทย์ แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มาติดตามการรักษา ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในอำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด
คำสำคัญ:
ความคลาดเคลื่อนทางยา, การสั่งจ่ายยา, โรคเรื้อรัง, บุคลากรด้านสาธารณสุขที่มิใช่แพทย์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบศึกษาไปข้างหน้า เพื่อศึกษาอุบัติการณ์และสาเหตุของความคลาดเคลื่อนทางยาจากการสั่งจ่ายยาโดยบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มิใช่แพทย์ กลุ่มตัวอย่างเป็นใบสั่งจ่ายยาที่เขียนโดยบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มิใช่แพทย์แก่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่มาติดตามการรักษา ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางกระดาน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำเชี่ยว อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด รวมจำนวน 298 ใบ เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบบันทึกข้อมูลพื้นฐานและรายงานความคลาดเคลื่อนทางยา แบ่งออกเป็น 3 ส่วน เก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนเมษายน 2556 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่และร้อยละ
ผลการวิจัยพบว่า 1) มีอุบัติการณ์ความคลาดเคลื่อนทางยาจากการสั่งจ่ายยา คิดเป็นร้อยละ 42.62 (จากใบสั่งจ่ายยา 127 ใบ จำนวน 132 ครั้ง) ซึ่งพบความคลาดเคลื่อนทางยาชนิดการสั่งจ่ายยาผิดจำนวน มากที่สุด จำนวน 45 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 34.09 รองลงมา คือ การสั่งจ่ายยาผิดวิธีใช้ จำนวน 18 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 13.64 และการสั่งจ่ายยาผิดความแรง จำนวน 9 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 6.82 และ 2) สาเหตุของการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยาจากการสั่งจ่ายยา เกิดจากบุคลากร มากที่สุด จำนวน 91 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 68.94 รองลงมา คือ การติดต่อสื่อสาร จำนวน 39 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 29.55
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า ผู้บริหารควรนำผลการวิจัยครั้งนี้ไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยา มีการให้ความรู้แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง และมีการตรวจสอบคุณภาพของระบบอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
file:///C:/Users/Asus/Desktop/6937-Article%20Text-13659-1-10-20130312%20(1).pdf
ชูชัย ศุภวงศ์, สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์, ลัดดา ดำริการเลิศ, สุพัตรา ศรีวณิชากร, เกษม เวชสุทรานนท์, และศุภกิจ ศิริลักษณ์. (2552). คู่มือการให้บริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล. สืบค้นจาก https://www.slideshare.net/sivapong/ss-12782816
ธิดา นิงสานนท์, สุวัฒนา จุฬาวัฒนทล, และปรีชา มนทกานติกุล. (2548). การป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยา เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย).
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2555). คู่มือการจัดการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น. สืบค้นจาก https://www.nhso.go.th/files/userfiles/file/กองทุนต่างๆ/กองทุนบริหารจัดการโรคเรื้อรัง/คู่มือการจัดการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น.pdf
Cornish, P. L., Knowles, S. R., Marchesano, R., Tam, V., Shadowitz, S., Juurlink, D. N., & Etchells, E. E. (2005). Unintended medication discrepancies at the time of hospital admission. Archives of Internal Medicine, 165(4), 424-429.
Hepler, C. D., & Strand, L. M. (1990). Opportunities and responsibilities in pharmaceutical care. American Journal of Hospital Pharmacy, 47(3), 533-543.
Lesar, T. S., Briceland, L., & Stein, D. S. (1997). Factors related to errors in medication prescribing. The Journal of the American Medical Association, 277(4), 312-317.
Rozich, J. D., & Resar, R. K. (2001). Medication safety: One organization’s approach to the challenge. Journal of Clinical Outcomes Management, 8(10), 27-34.
Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory analysis (3rd ed.). New York: Harper and Row.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2019 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน