ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาวะทางปัญญาของญาติผู้ดูแลคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย

ผู้แต่ง

  • เสาวภา เล็กวงษ์ มหาบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  • วรรณรัตน์ ลาวัง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  • สมสมัย รัตนกรีฑากุล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา

คำสำคัญ:

สุขภาวะทางปัญญา, ญาติผู้ดูแล, คนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย เพื่อศึกษาสุขภาวะทางปัญญา และปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาวะทางปัญญาของญาติผู้ดูแลคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย กลุ่มตัวอย่างเป็นญาติผู้ดูแลคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกายในจังหวัดจันทบุรี จำนวน 180 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบทดสอบสภาพสมองเบื้องต้น ฉบับภาษาไทย แบบสัมภาษณ์ข้อมูลพื้นฐาน แบบสัมภาษณ์การปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา มีค่าความเชื่อมั่น .88 แบบสัมภาษณ์ภาระการดูแล มีค่าความเชื่อมั่น .82 แบบสัมภาษณ์สัมพันธภาพระหว่างผู้ดูแลกับคนพิการ มีค่าความเชื่อมั่น .94 แบบสัมภาษณ์การสนับสนุนทางสังคม มีค่าความเชื่อมั่น .83 และแบบสัมภาษณ์สุขภาวะทางปัญญา มีค่าความเชื่อมั่น .91 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 2560 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน

ผลการวิจัยพบว่า ญาติผู้ดูแลมีคะแนนเฉลี่ยสุขภาวะทางปัญญารายด้านและโดยรวมในระดับมาก การปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา การรับรู้ภาระการดูแล สัมพันธภาพระหว่างญาติผู้ดูแลกับคนพิการ และการสนับสนุนทางสังคม สามารถร่วมกันทำนายสุขภาวะทางปัญญาได้ร้อยละ 25.80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (adj. R2 = .258, p < .05) โดยสัมพันธภาพระหว่างญาติผู้ดูแลกับคนพิการสามารถทำนายสุขภาวะทางปัญญาได้มากที่สุด (Beta = .292, p < .001) รองลงมา คือ การรับรู้ภาระการดูแล (Beta = -.175, p < .05)

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรทางสุขภาพควรมีการประเมินสุขภาวะทางปัญญาของญาติผู้ดูแลคนพิการ และอาจารย์พยาบาลควรนำผลการวิจัยไปใช้ในการเรียนการสอนเกี่ยวกับการเยี่ยมบ้านและการดูแลสุขภาวะทางปัญญาของญาติผู้ดูแลคนพิการ

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. (2559). การดำเนินงานจดทะเบียนคนพิการทั่วประเทศ. สืบค้นจาก https://www.m-society.go.th/article_attach/16125/19141.pdf

คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ. (2554). แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2555-2559. กรุงเทพฯ: เทพเพ็ญวานิสย์.

จินตนา ยูนิพันธ์. (2543). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลตนเองด้านสุขภาพจิตของประชาชนไทยภาคกลาง (รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ชนัญชิดาดุษฎี ทูลศิริ, รัชนี สรรเสริญ, และวรรณรัตน์ ลาวัง. (2554). การพัฒนาแบบวัดภาระในการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 4(1), 62-75.

พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550. (2550). ราชกิจจานุเบกษา, 124(ตอนที่ 16 ก), 1-18.

เพียงใจ ติรไพรวงศ์. (2540). สัมพันธภาพระหว่างผู้ดูแลกับผู้ป่วย และภาระการดูแลของสมาชิกครอบครัวผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล.

วิไลลักษณ์ ตันติตระกูล, และสุรีพร ธนศิลป์. (2552). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความผาสุกทางจิตวิญญาณของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย. วารสารสำนักการแพทย์ทางเลือก, 2(3), 27-35.

ศิริลักษณ์ ปัญญา, และเพ็ญนภา แดงด้อมยุทธ์. (2558). จิตบำบัดสัมพันธภาพระหว่างบุคคลแบบกลุ่มกับภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า. วารสารพยาบาลตำรวจ, 7(1), 263-278.

สมพร ปานผดุง, กิตติกร นิลมานัต, และลัพณา กิจรุ่งโรจน์. (2556). ความผาสุกทางจิตวิญญาณของญาติผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งทางนรีเวชระยะลุกลามในโรงพยาบาล (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

สถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์. (2557). สภาพจิตจากแบบประเมินสภาพสมองเบื้องต้น (MMSE-Thai 2002). นนทบุรี: ผู้แต่ง.

ไหมมูน๊ะ คลังข้อง. (2553). สุขภาวะทางจิตวิญญาณของผู้ดูแลผู้ป่วยมุสลิมที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.

Bronfenbrenner, U. (2005). Making human beings human: Bioecological perspectives on human development. Thousand Oaks, CA: SAGE.

Delgado-Guay, M. O., Parsons, H. A., Hui, D., De la Cruz, M. G., Thorney, S., & Bruera, E. (2013). Spirituality, religiosity, and spiritual pain among caregivers of patients with advanced cancer. The American Journal of Hospice & Palliative Care, 30(5), 455-461.

Frost, M. H., Johnson, M. E., Atherton, P. J., Petersen, W. O., Dose, A. M., Kasner, M. J., … Pipe, T. B. (2012). Spiritual well-being and quality of life of women with ovarian cancer and their spouses. The Journal of Supportive Oncology, 10(2), 72-80.

Lawang, W. (2013). Developing support for Thai family caregivers of adults with a physical disability: A community-based action research study (Doctoral dissertation). Melbourne: La Trobe University.

Lawang, W., Horey, D., Blackford, J., Sunsern, R., & Riewpaiboon, W. (2013). Support interventions for caregivers of physically disabled adults: A systematic review. Nursing & Health Sciences, 15(4), 534-545.

Polit, D. F., & Beck, C. T. (2012). Nursing research: Generating and assessing evidence for nursing Practice (9th ed.). Philadelphia: Lippincott, Williams & Wilkins.

Spurlock, W. R. (2005). Spiritual well-being and caregiver burden in Alzheimer’s caregivers. Geriatric Nursing, 26(3), 154-161.

Wongpakaran, T., Wongpakaran, N., & Ruktrakul, R. (2011). Reliability and validity of the Multidimensional Scale of Perceived Social Support (MSPSS): Thai Version. Clinical Practice & Epidemiology in Mental Health, 7, 161-166.

World Health Organization. (2011). World report on disability. Malta: Author.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-05-30

รูปแบบการอ้างอิง

เล็กวงษ์ เ., ลาวัง ว., & รัตนกรีฑากุล ส. (2019). ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาวะทางปัญญาของญาติผู้ดูแลคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 30(1), 102–112. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/167873

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานการวิจัย (Research Report)