การทบทวนขอบเขตผลงานวิจัยของวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

ผู้แต่ง

  • ดาราวรรณ รองเมือง วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
  • ยศพล เหลืองโสมนภา วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
  • สุกัญญา ขันวิเศษ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
  • จรัญญา ดีจะโปะ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
  • สุปราณี ฉายวิจิตร วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

คำสำคัญ:

การทบทวนขอบเขต, ผลงานวิจัย, การพยาบาล

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง โดยการทบทวนเอกสารแบบขอบเขต เพื่อทบทวน ขอบเขตเกี่ยวกับลักษณะของระเบียบวิธีวิจัยของผลงานวิจัย กลุ่มตัวอย่างเป็นผลงานวิจัยที่ผลิตขึ้นโดยอาจารย์ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ในช่วงปี พ.ศ. 2550-2559 จำนวน 71 บทความ เครื่องมือการวิจัย เป็นแบบลงรหัส ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไปของผลงานวิจัย และลักษณะของระเบียบวิธีวิจัยของผลงานวิจัย เก็บรวบรวม ข้อมูลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 2560 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่และร้อยละ

ผลการวิจัยพบว่าผลงานวิจัยเป็นประเด็นการวิจัยทางการพยาบาล มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.10 ส่วนใหญ่ เผยแพร่โดยการตีพิมพ์ในวารสารระดับชาติ/นานาชาติ คิดเป็นร้อยละ 67.60 ผู้วิจัยหลักเป็นอาจารย์วิทยาลัยพยาบาล พระปกเกล้า จันทบุรี คิดเป็นร้อยละ 77.50 ใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 38 กลุ่มตัวอย่าง เป็นประชาชนทั่วไป มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 36.60 จุดอ่อนของผลงานวิจัย คือ ไม่มีการคำนวณขนาดตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 50.90 ส่วนใหญ่เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง คิดเป็นร้อยละ 68.90 ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือ การวิจัย มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 56.30 แต่ไม่มีการรายงานค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา คิดเป็นร้อยละ 42.60 ส่วนใหญ่รายงานค่าความเชื่อมั่น คิดเป็นร้อยละ 72.10 ไม่มีการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน คิดเป็นร้อยละ 60.60 ในกรณีที่มีการควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน ใช้วิธีการสุ่ม มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 50.10 สถิติที่ใช้มีความสอดคล้อง กับวัตถุประสงค์การวิจัย/สมมติฐานการวิจัย คิดเป็นร้อยละ 93.40 และผลงานวิจัยที่นำเสนอมีความจำเป็น ต้องรายงานค่า effect size ถึงร้อยละ 80.30 แต่ส่วนใหญ่ไม่มีการรายงานค่า effect size คิดเป็นร้อยละ 83.60

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าผู้บริหารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ควรพัฒนาอาจารย์ ให้มีทักษะด้านระเบียบวิธีวิจัยเพิ่มขึ้น เพื่อการผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือต่อไป

เอกสารอ้างอิง

ประณีต ส่งวัฒนา. (2552). สถานภาพและทิศทางการวิจัยทางการพยาบาล: มุมมองจากประสบการณ์. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 1(1), 1-7.

เอื้อมพร ทองกระจาย. (2558). การวิจัยทางการพยาบาลในสังคมไทย: ทบทวนอดีตและทิศทางอนาคต. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ, 38(1), 122-130.

Arksey, H., & O’Malley, L. (2005). Scoping studies: Towards a methodological framework. International Journal of Social Research Methodology: Theory & Practice, 8(1), 19-32. Retrieved from http://eprints.whiterose.ac.uk/1618/1/Scopingstudies.pdf

Castrillón Agudelo, M. C. (2004). Trends and priorities in nursing research. Revista Latino-Americana deEnfermagem, 12(4), 583-588.

Davis, K., Drey, N., & Gould, D. (2009). What are scoping studies? A review of the nursing literature. International Journal of Nursing Studies, 46(10), 1386-1400.

Summers, S. (1991). Defining components of the research process needed to conduct and critique studies. Journal of Post Anesthesia Nursing, 6(1), 50-55.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-12-24

รูปแบบการอ้างอิง

รองเมือง ด., เหลืองโสมนภา ย., ขันวิเศษ ส., ดีจะโปะ จ., & ฉายวิจิตร ส. (2018). การทบทวนขอบเขตผลงานวิจัยของวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 29(2), 136–146. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/162151

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานการวิจัย (Research Report)