ปัจจัยที่มีผลต่อภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่มารับบริการในโรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์
คำสำคัญ:
ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท, ความรู้เกี่ยวกับการดูแล, สมรรถนะแห่งตน, สัมพันธภาพในครอบครัว, ภาระการดูแลบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย เพื่อศึกษาภาระการดูแล และปัจจัยที่มีผลต่อ ภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่พาผู้ป่วยมารับการรักษาที่โรงพยาบาล จิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ จำนวน 100 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล ของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท แบบวัดความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยจิตเภท มีค่าความเชื่อมั่น .76 แบบประเมินการรับรู้ สมรรถนะแห่งตน มีค่าความเชื่อมั่น .84 แบบประเมินสัมพันธภาพในครอบครัว มีค่าความเชื่อมั่น .96 และแบบประเมิน ภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท มีค่าความเชื่อมั่น .87 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือน สิงหาคม 2558 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอย พหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทมีคะแนนเฉลี่ยภาระการดูแลโดยรวม 49.86 (SD = 12.79) 2) อายุ การรับรู้สมรรถนะแห่งตน และสัมพันธภาพในครอบครัว มีความสัมพันธ์ทางลบกับภาระการดูแลของผู้ดูแล ผู้ป่วยจิตเภทอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -.220, p < .05; r = -.240, p < .05 และ r = -.290, p < .01 ตามลำดับ) และ 3) อายุ และสัมพันธภาพในครอบครัว สามารถร่วมกันทำนายภาระการดูแลผู้ป่วยจิตเภทได้ร้อยละ 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (adj. R2 = .120, p < .001) โดยอายุสามารถทำนายภาระการดูแลผู้ป่วยจิตเภท ได้มากที่สุด (Beta = -.228, p < .05) รองลงมาคือ สัมพันธภาพในครอบครัว (Beta = -.222, p < .05)
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าบุคลากรทางสุขภาพควรพัฒนาศักยภาพของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท โดยเน้นการเสริมสร้างสัมพันธภาพในครอบครัว เพื่อลดภาระการดูแลของผู้ดูแล และคณาจารย์ควรสอดแทรกเนื้อหา เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทในการสอนนักศึกษาพยาบาล
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2548). แผนปฏิบัติงานกรมสุขภาพจิต ปีงบประมาณ 2548. กรุงเทพฯ: สยามอินเสิร์ทมาร์เก็ตติ้ง.
กองแผนงาน กรมสุขภาพจิต. (2555). รายงานประจำปีกรมสุขภาพจิต ปีงบประมาณ 2555. นนทบุรี: ผู้แต่ง.
งานเวชระเบียน โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์. (2557). รายงานประจำปี โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้วราชนครินทร์ ปีงบประมาณ 2556. สระแก้ว: ผู้แต่ง.
จิราพร รักการ. (2549). ผลของการใช้โปรแกรมสุขภาพจิตศึกษาต่อภาระในการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทในชุมชน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เทียนทอง หาระบุตร, และเพ็ญนภา แดงด้อมยุทธ์. (2555). ปัจจัยคัดสรรที่มีความสัมพันธ์กับพลังสุขภาพจิตของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทในชุมชน. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย, 27(3), 113-124.
นพรัตน์ ไชยชำนิ. (2544). ผลของการใช้โปรแกรมการดูแลผู้ดูแลแบบองค์รวมต่อภาระและความสามารถในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เบ็ญจา นิ่มนวล. (2547). สมรรถนะแห่งตนกับกิจกรรมการดูแลผู้ที่เป็นโรคจิตเภทที่บ้านของผู้ดูแล (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ปราชญ์ บุญยวงศ์วิโรจน์. (2546). การพัฒนาระบบบริการด้านสุขภาพและจิตเวชในศูนย์สุขภาพชุมชนและสถานบริการสาธารณสุขทุกระดับ. นนทบุรี: โรงพยาบาลศรีธัญญา.
มาโนช หล่อตระกูล, และปราโมทย์ สุคนิชย์. (2550). จิตเวชศาสตร์รามาธิบดี (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพฯ: บียอนด์เอ็นเทอร์ไพรซ์.
รจนา ปุณโณทก. (2550). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
วรรณรัตน์ ลาวัง, รัชนี สรรเสริญ, ยุวดี รอดจากภัย, นิภาวรรณ สามารถกิจ, วิจิตร์พร หล่อสุวรรณกุล, และเวธกา กลิ่นวิชิต. (2547). สถานการณ์ปัญหาความต้องการและพลังอำนาจญาติผู้ดูแลผู้ใหญ่ป่วยเรื้อรังที่บ้านในเขตภาคตะวันออก (รายงานผลการวิจัย). ชลบุรี: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
สายใจ พัวพันธ์. (2553). เอกสารประกอบการสอนเรื่อง ทฤษฎีการพยาบาล: ศาสตร์แห่งมนุษย์และการดูแลมนุษย์ของวัตสัน. ชลบุรี: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
สุภาภรณ์ ทองดารา. (2545). ผลการให้สุขภาพจิตศึกษาแก่ญาติร่วมกับผู้ป่วยจิตเภทต่อความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Bandura, A. (1986). Social foundations of thought and action: A social cognitive theory. Englewood Cliffs, NJ: Prentice-Hall.
Chen, F., & Greenberg, J. S. (2004). A positive aspect of caregiving: The influence of social support on caregiving gains for family members of relatives with schizophrenia. Community Mental Health Journal, 40(5), 423-435.
Cook, J. A., Lefley, H. P., Pickett, S. A., & Cohler, B. J. (1994). Age and family burden among parents of offspring with severe mental illness. American Journal of Orthopsychiatry, 64(3), 435-447.
Crandall, R. C. (1980). Gerontology: A behavioral science approach. Reading, MA: Addison-Wesley.
George, L. K., & Dwyther, L. P. (1986). Caregiver well-being: A multidimensional examination of family caregivers of demented adults. The Gerontologist, 26(8), 253-259.
Jerusalem, M., & Schwarzer, R. (1993). The General Self-Efficacy Scale (GSE). Retrieved from http://www.fu-berlin.De/gesund
Lefley, H. P. (1987). Impact of mental illness in families of mental health professionals. Journal of Nervous and Mental Disease, 175(20), 613-619.
Leggett, A. N., Zarit, S., Taylor, A., & Galvin, J. E. (2010). Stress and burden among caregivers of patients with lewy body dementia. The Gerontologist, 51(1), 76-85. doi:10.1093/geront/gnq055
Loukissa, D. A. (1995). Family burden in chronic mental illness: A review of research studies. Journal of Advanced Nursing, 21(2), 248-255.
Montgomery, R. J. V., Gonyea, J. G., & Hooyman, N. R. (1985). Caregiving and the experience of subjective and objective burden. Family Relations, 34(1), 19-26.
Neuman, B. (2002). The Neuman systems model (4th ed.). Upper Saddle River, NJ: Pearson Education.
Orem, D. E. (1985). Nursing: Concepts of practice. New York: McGraw-Hill.
Reinhard, S. C., & Harwitz, A. V. (1995). Caregiver burden: Differentiating the content and consequences of family caregiving. Journal of Marriage and the Family, 57(8), 741-750.
Thorndike, R. M. (1978). Correlation procedures for research. New York: Gardner Press.
Tungpunkom, P. (2000). Staying in balance: Skill and role development in psychiatric caregiving (Doctoral dissertation). University of California at San Francisco.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน