พฤติกรรมการจัดการตนเองในการป้องกันและแก้ไขโรคฟันผุในเด็กอายุ 8-12 ปี โรงเรียนบ้านทุ่งม่วง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี

ผู้แต่ง

  • จีราภา ศรีท่าไฮ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
  • บุษยารัตน์ ลอยศักดิ์ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี
  • คณิสร เจริญกิจ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

คำสำคัญ:

โรคฟันผุ, พฤติกรรมการจัดการตนเอง, การป้องกันการเกิดโรคฟันผ, การแก้ไขโรคฟันผุ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาพฤติกรรมการจัดการตนเองในการป้องกันและแก้ไขโรคฟันผุในเด็กอายุ 8-12 ปี กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กที่มีฟันผุ โรงเรียนบ้านทุ่งม่วง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี จำนวน 47 คน เครื่องมือการวิจัยเป็นแบบสอบถามพฤติกรรมการจัดการตนเองเกี่ยวกับโรคฟันผุในเด็กอายุ 8-12 ปี ประกอบด้วยข้อมูลทั่วไป พฤติกรรมการจัดการตนเองในการป้องกันโรคฟันผุ มีค่าความเชื่อมั่น .83 และพฤติกรรมการจัดการตนเองในการแก้ไขโรคฟันผุ มีค่าความเชื่อมั่น .66 เก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนพฤศจิกายน 2558 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการวิจัยพบว่านักเรียนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการจัดการตนเองในการป้องกันโรคฟันผุในระดับปานกลาง คิดเป็นร้อยละ 89.40 และมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการจัดการตนเองในการป้องกันโรคฟันผุโดยรวมในระดับปานกลาง (X = 2.60, SD = .28) นักเรียนส่วนใหญ่มีหินปูน (หินน้ำลาย) ที่ฟัน คิดเป็นร้อยละ 78.70 โดยนักเรียนมีพฤติกรรมการจัดการตนเองในการแก้ไขโรคฟันผุในระดับปานกลาง มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 59.60 และพบว่ามีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการจัดการตนเองในการแก้ไขโรคฟันผุโดยรวมในระดับปานกลาง (X = 2.83, SD = .56)

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและการแก้ไขโรคฟันผุในวัยเด็กชั้นประถมศึกษาควรนำข้อมูลไปเป็นแนวทางในการให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันและการแก้ไขโรคฟันผุในประเด็นที่ยังเป็นปัญหา เช่น การใช้ไหมขัดฟัน โดยให้ครูและผู้ปกครองสนับสนุน และมีการกระตุ้นเตือนการจัดการตนเองในการป้องกันและแก้ไขโรคฟันผุ

เอกสารอ้างอิง

ชดช้อย วัฒนะ. (2558). การสนับสนุนการจัดการตนเอง: กลยุทธ์ในการส่งเสริมการควบคุมโรค. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 26(เพิ่มเติม 1), 117-127.

ณรงศักดิ์ บุญเฉลียว. (2559). ผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลอนามัยช่องปากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 27(เพิ่มเติม 1), 17-27.

ดำรงเกียรติ เกรียงพิชิตชัย. (2550). ความรู้ ทัศนคติ พฤติกรรม และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมทันตสุขภาพของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4-6 ในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วารสารทันตาภิบาล, 19(3), 13-24.

ลักขณา อุ้ยจิรากุล. (2557). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคฟันผุในเด็กปฐมวัย จังหวัดสระแก้ว. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 3 จังหวัดชลบุรี, 5(2), 2-14.

วิลาวัลย์ วีระอาชากุล, และวิบูลย์ วีระอาชากุล. (2551). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคฟันน้ำนมผุในเด็กอายุ 6-30 เดือน ในคลินิกเด็กดี โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. ศรีนครินทร์เวชสาร, 23(2), 165-171.

สำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2555). รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2551-2555. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

สิยาภา พนังแก้ว วัชรสินธุ์, เยาวภา ติอัชสุวรรณ, และสุรเดช ประดิษฐบาทุกา. (2557). ปัจจัยระดับบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับสภาวะสุขภาพช่องปากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี. ใน รายงานสืบเนื่องจากการประชุมเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ครั้งที่ 4. หน้า 1-17. วันที่ 26-27 พฤศจิกายน 2557 ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

อรพินท์ ภาคภูมิ, และกันยารัตน์ สมบัติธีระ. (2554). การสำรวจสภาวะสุขภาพเด็กวัยเรียนในเขตตรวจราชการที่ 10 และ 12. วารสารศูนย์อนามัยที่ 6 ขอนแก่น, 2, 37-48.

American Academy of Pediatric Dentistry. (1999). Oral health policies. Pediatric Dentistry, 21, 18-37.

Creer, L. T. (2000). Self-management of chronic illness. In Boekaerts, M., Printrich, P. R., & Zeidner, M. (Eds.). Handbook of self-regulation. pp. 601-629. San Diego, CA: Academic Press.

Febres, C., Echeverri, E. A., & Keene, H. J. (1997). Parental awareness, habit, and social factors and their relationship to baby bottle tooth decay. Pediatric Dentistry, 19(1), 22-27.

Glomb, N., & West, R. P. (1990). Teaching behaviorally disordered adolescents to use self-management skills for improving the completeness, accuracy, and neatness of creative writing homework assignments. Behavioral Disorders, 15(4), 233-242.

Locker, D. (2007). Disparities in oral health related quality of life in a population of Canadian children. Community Dentistry and Oral Epidemiology, 35(5), 348-356.

Ward, W. C. (2006). Teaching children to self-manage their behavior. Retrieved May 12, 2017, from https://www.superduperinc.com/handouts/pdf/113_SelfManagingBehavior.pdf

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-07-04

รูปแบบการอ้างอิง

ศรีท่าไฮ จ., ลอยศักดิ์ บ., & เจริญกิจ ค. (2018). พฤติกรรมการจัดการตนเองในการป้องกันและแก้ไขโรคฟันผุในเด็กอายุ 8-12 ปี โรงเรียนบ้านทุ่งม่วง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 29(1), 159–169. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/132807

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานการวิจัย (Research Report)