ปัจจัยทำนายความหวังของผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
คำสำคัญ:
ผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, ความหวัง, การรับรู้ภาวะสุขภาพ, การมองโลกในแง่ดี, การสนับสนุนทางสังคมบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบหาความสัมพันธ์เชิงทำนาย เพื่อศึกษาระดับความหวัง และปัจจัยทำนายความหวังของผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่มารับการตรวจที่คลินิกโรคหัวใจ แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลตราด จำนวน 90 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยแบบประเมินสภาพจิตจุฬา แบบบันทึกข้อมูลพื้นฐานของผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แบบประเมินการรับรู้ภาวะสุขภาพ มีค่าความเชื่อมั่น .82 แบบประเมินการมองโลกในแง่ดี มีค่าความเชื่อมั่น .73 แบบประเมินความไม่แน่นอนต่อการเจ็บป่วย มีค่าความเชื่อมั่น .78 แบบประเมินการสนับสนุนทางสังคม มีค่าความเชื่อมั่น .90 และแบบประเมินความหวัง มีค่าความเชื่อมั่น .81 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 2558 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่าผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมีคะแนนเฉลี่ยความหวังโดยรวมในระดับสูง (X = 37.77, SD = 5.58) การรับรู้ภาวะสุขภาพ การมองโลกในแง่ดี และการสนับสนุนทางสังคม สามารถร่วมกันทำนายความหวังได้ร้อยละ 61.90 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (R2 = .619, p < .01)
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าพยาบาลวิชาชีพและบุคลากรในทีมสุขภาพควรนำผลการวิจัยไปใช้ในการวางแผนการพยาบาลผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยตระหนักถึงปัจจัยด้านการสนับสนุนทางสังคม การรับรู้ภาวะสุขภาพ และการมองโลกในแง่ดี เพื่อส่งเสริมและคงไว้ซึ่งความหวังในระดับสูงของผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
เอกสารอ้างอิง
ขจรศรี แสนปัญญา. (2553). ความวิตกกังวลต่อความตาย การมองโลกในแง่ดี ความผาสุกทางจิตวิญญาณ และการปรับตัวต่อความตายของผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ในคลินิกผู้สูงอายุ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จังหวัดนนทบุรี (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
จันทนา เตชะคฤห. (2540). ความหวัง ความเข้มแข็งในการมองโลก และความผาสุกในชีวิตของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ชมนาด สุ่มเงิน. (2543). ปัจจัยที่เป็นตัวทำนายความเข้มแข็งในการมองโลกของผู้สูงอายุโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ดาวรุ่ง สุภากรณ์. (2540). ความสัมพันธ์ระหว่างความหวัง การรับรู้ภาวะสุขภาพ กับพฤติกรรมการปฏิบัติตนด้านสุขภาพของผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล.
บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2553). ระเบียบวิธีการวิจัยทางพยาบาลศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ: ยูแอนด์ไอ อินเตอร์ มีเดีย.
ผ่องพรรณ อรุณแสง. (2551). การพยาบาลโรคหัวใจและหลอดเลือด (พิมพ์ครั้งที่ 5). ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา.
วนิดา หาญคุณากุล. (2539). ผลของการส่งเสริมการปรับตัวอย่างมีแบบแผนต่อการรับรู้ภาวะสุขภาพและการปรับตัวในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล.
วิไลวรรณ ทองเจริญ. (2554). ศาสตร์และศิลป์การพยาบาลผู้สูงอายุ. นครปฐม: โครงการตำราคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. (2550). สุขภาพคนไทย 2550 “หอมกลิ่นลำดวน” เตรียมพร้อมสู่สังคมผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: อมรินทร์.
อรัญญา รักหาบ, เพลินพิศ ฐานิวัฒนานนท์, กิตติกร นิลมานัต, และอังศุมา อภิชาโต. (2550). การปฏิบัติตามหลักธรรมศาสนาพุทธ การรับรู้ภาวะสุขภาพ และความหวังของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์. สงขลานครินทร์เวชสาร, 25(4), 259-270.
อุมา จันทวิเศษ. (2539). การให้ความหมายเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและการดูแลตนเองของผู้ป่วยหลังเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิดล.
Alcaimo, M., & Lama, D. (2011). Coronary artery disease in the elderly. Retrieved January 19, 2013, from http://www.intechopen.com /books/ atherosclerotic-cardiovascular-disease/coronary-artery-disease-in-the elderly
Beckerman, A., & Northrop, C. (1996). Hope, chronic illness and the elderly. Journal of Gerontological Nursing, 22(5), 19-25.
Brook, H. R., et al. (1979). Overview of adult health status measures fields. Medical Care, 17(7 suppl.), 1-131.
Caboral, M. F., Evangelista, L. S., & Whetsell, M. V. (2012). Hope in elderly adults with chronic heart failure. Concept analysis. Investigacion y Educacion en Enfermeria, 30(3), 406-411.
Denewer, A., Farouk, O., Mostafa, W., & Elshamy, K. (2011). Social support and hope among Egyptian women with breast cancer after mastectomy. Breast Cancer: Basic and Clinical Research, 5, 93-103.
Fitzsimons, D., Parahoo, K., Richardson, S. G., & Stringer, M. (2003). Patient anxiety while on a waiting list for coronary artery bypass surgery: A qualitative and quantitative analysis. Heart & Lung: The Journal of Acute and Critical Care, 32(1), 23-31.
Herth, K. (1990). Fostering hope in terminally-ill people. Journal of Advanced Nursing, 15(11), 1250-1259.
Herth, K. (1992). Abbreviated instrument to measure hope: Development and psychometric evaluation. Journal of Advanced Nursing, 17(10), 1251-1259.
Miller, C. A. (2009). Nursing for wellness in older adults (5th ed.). Philadelphia: Lippincott.
Mishel, M. H. (1990). Reconceptualization of the uncertainty in illness theory. The Journal of Nursing Scholarship, 22(4), 256-262.
New York Heart Association. (1964). Disease of the heart and blood vessels: Nomenclature criteria for diagnosis (6th ed.). Boston: Little, Brown and Co.
Scioli, A., et al. (1997). A prospective study of hope, optimism, and health. Psychological Reports, 81(3 Pt 1), 723-733.
Seligman, M. E. P. (1990). Learned optimism: How to change your mind and your life. New York: Vintage Books.
Weinert, C. (2003). Measuring social support: PRQ2000. In Strickland, O., & Dilorio, C. (Eds.). Measurement of nursing outcome. pp.161-172. New York: Springer.
Yadav, S. (2010). Perceived social support, hope, and quality of life of persons living with HIV/AIDS: A case study from Nepal. Quality of Life Research, 19(2), 157-166.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน