การจัดการตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องในระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือน ของผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่อง
คำสำคัญ:
โรคไตเรื้อรัง, การล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่อง, การติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพแบบพรรณนา เพื่อศึกษาการจัดการตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องในระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือน ของผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่อง กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่อง โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี และไม่มีการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องในระยะเวลาอย่างน้อย 18 เดือน จำนวน 10 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยตัวคณะผู้วิจัย แบบสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนบุคคล แบบสัมภาษณ์การจัดการตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่อง และเทปบันทึกเสียง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยเทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม 2559 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการสรุปแนวคิดสำคัญ
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างทุกคนมีการจัดการตนเองที่เหมาะสมในการล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่อง มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามคำสอนหรือคำแนะนำของบุคลากรทีมสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนล้างไตทางช่องท้อง การล้างไตอย่างถูกต้องตามวิธีการ การไม่รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ หรืออาหารหมักดอง และพบว่าการจัดการจากครอบครัวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยผู้ป่วยได้รับการสนับสนุนจากบุคคลในครอบครัวหรือญาติผู้ดูแลในการอำนวยความสะดวก ทั้งการจัดเตรียมสภาพแวดล้อม ห้องที่ใช้ในการล้างไตทางช่องท้อง และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการล้างไต ให้มีความสะอาด ปราศจากเชื้อ โดยปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นองค์ประกอบสำคัญของการจัดการตนเองที่ทำให้ผู้ป่วยปลอดภัย ไม่เกิดการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องได้เป็นระยะเวลานานกว่า 18 เดือน
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าบุคลากรทางสุขภาพควรนำผลการวิจัยที่ได้ไปเป็นข้อมูลตั้งต้นในการวางแผนพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่องของคลินิกไตวาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้อง และนักวิจัยควรพัฒนาแบบสอบถามการจัดการตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อเยื่อบุช่องท้องของผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องต่อเนื่อง โดยนำผลการวิจัยที่ได้ไปสร้างข้อคำถาม
เอกสารอ้างอิง
กิตติมา จันทร์โอ, และสุธิดา โตพันธานนท์. (2551). การพยาบาลผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้องปกติที่มีภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบ. ใน สมชาย เอี่ยมอ่อง, และคณะ. (บ.ก.). Textbook of peritoneal dialysis. หน้า 307-309. กรุงเทพฯ: เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล พับลิเคชั่น.
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (2553). คู่มือแนะนำการล้างไตทางช่องท้องอย่างถาวร (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: ศิริวัฒนาอินเตอร์ปริ้น. สืบค้น 24 เมษายน 2560, จาก http://www.phraehospital.go.th/library/dublin.php?ID=5265
พนิดา เทียมจรรยา, ชมนาด วรรณพรศิริ, และดวงพร หุ่นตระกูล. (2554). การดูแลตนเองของผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อของเยื่อบุช่องท้องจากการรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 5(3), 92-103.
ศิริลักษณ์ อนันต์ณัฐศิริ. (2549). การติดเชื้อในผู้ป่วยที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้องชนิดถาวร. ใน ทวี ศิริวงศ์. (บ.ก.). การล้างไตทางช่องท้องสองฝั่งโขง. หน้า 73-81. ขอนแก่น: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2556). คู่มือบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2556: การบริหารงบบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง. กรุงเทพฯ: ผู้แต่ง.
Braun, V., & Clarke, V. (2006). Using thematic analysis in psychology. Qualitative Research in Psychology, 3(2), 77-101.
Creer, L. T. (2000). Self-management of chronic illness. In Boekaerts, M., Pintrich, P. R., & Zeidner, M. (Eds.). Handbook of self-regulationI. pp. 601-629. San Diego, CA: Academic Press.
Grey, M., Knafl, K., & McCorkle, R. (2006). A framework for the study of self- and family management of chronic conditions. Nursing Outlook, 54(5), 278-286.
Grey, M., Schulman-Green, D., Knafl, K., & Reynolds, N. R. (2015). A revised self- and family management framework. Nursing Outlook, 63(2), 162-170. Retrieved April 24, 2017, from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/25771190
Li, P. K., et al. (2010). ISPD Guidelines/Recommendations: Peritoneal dialysis-related infections recommendations: 2010 update. Peritoneal Dialysis International, 30, 393-423.
Polfuss, M., Babler, E., Bush, L. L., & Sawin, K. (2015). Family perspective of components of a diabetes transition program. Journal of Pediatric Nursing, 30(5), 748-756.
Praditpornsilpa, K. (2011). Report of Thailand replacement therapy year 2011. Bangkok: Thai Nephrology Society of Thailand.
Ryan, P., & Sawin, K. J. (2009). The Individual and Family Self-management Theory: Background and perspectives on context, process, and outcomes. Nursing Outlook, 57(4), 217-225. Retrieved April 24, 2017, from https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2908991/
Sarian, M., Brault, D., & Perreault, N. (2012). Self-management support for peritoneal dialysis patients. Canadian Association of Nephrology Nurses and Technologists, 22(3), 18-24.
Su, C. Y., Lu, X. H., Chen, W., & Wang, T. (2009). Promoting self-management improves the health status of patients having peritoeal dialysis. Journal of Advanced Nursing, 65(7), 1381-1389.
Varitsakul, R., Sindhu, S., Sriyuktasuth, A., Viwatwongkasem, C., & Dennison Himmelfarb, C. R. (2013). The relationships between clinical, socio-demographic and selt-management: Factors and complications in Thai peritoneal dialysis patients. Renal Society of Australasia Journal, 9(2), 85-92.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน