ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของคนพิการทางการเคลื่อนไหว ในอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
คำสำคัญ:
พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ, คนพิการทางการเคลื่อนไหวบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ เพื่อศึกษาพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของคนพิการทางการเคลื่อนไหว กลุ่มตัวอย่างเป็นคนพิการทางการเคลื่อนไหวระดับ 3-5 ในอำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง จำนวน 195 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถามคุณลักษณะและประสบการณ์ของบุคคล แบบสอบถามการรับรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ แบ่งออกเป็น 4 ส่วน มีค่าความเชื่อมั่นอยู่ในช่วง .86-.93 และแบบสอบถามพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ มีค่าความเชื่อมั่น .77 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2558 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สหสัมพันธ์แบบพอยท์ไบซีเรียล และสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพโดยรวมค่อนข้างสูง โดยพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพด้านการบริโภคอาหาร ด้านการจัดการอารมณ์ และด้านการดื่มสุรา มีค่าเฉลี่ยคะแนนค่อนข้างสูง ส่วนด้านการออกกำลังกาย และด้านการสูบบุหรี่ มีค่าเฉลี่ยคะแนนไม่สูงมากนักพบว่าเพศมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (rpb = .144, p < .05) ภาวะสุขภาพ การรับรู้ประโยชน์ของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การรับรู้สมรรถนะของตนเองต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และแรงสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ มีความสัมพันธ์ทางบวกกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = .260, p < .001; r = .263, p < .001; r = .478, p < .001 และ r = .390, p < .001 ตามลำดับ) ส่วนอายุ และการรับรู้อุปสรรคของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ มีความสัมพันธ์ทางลบกับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = -.151, p < .05 และ r = -.220, p < .01 ตามลำดับ)
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การรับรู้ประโยชน์ของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และค้นหาการรับรู้อุปสรรคของพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัว เพื่อสุขภาวะของคนพิการทางการเคลื่อนไหว
เอกสารอ้างอิง
กชชุกร หว่างนุ่ม. (2550). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการดูแลตนเองของผู้สูงอายุโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จารุณี วาระหัส, และอริสา จิตต์วิบูลย์. (2553). พฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา (รายงานผลการวิจัย). วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา.
เฉลิม รัตนะโสภา. (2553). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้พิการจังหวัดอำนาจเจริญ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
ชาญ สุปินะ. (2555). บทบาทของเทศบาลนครปากเกร็ดในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ชิดชนก ไชยกุล. (2549). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุโรคข้อเสื่อม. วารสารพยาบาล, 33(3), 34-38.
ธรรม จตุนาม. (2548). โครงการศึกษาสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิและโอกาสด้านสุขภาพของคนพิการทางการมองเห็นในสังคมไทยกับการเสริมสร้างสุขภาพ กรณีศึกษาคนพิการทางการมองเห็นในจังหวัดนครปฐม. กรุงเทพฯ: ออน อาร์ต ครีเอชั่น.
ปาณิศา ติใหม่. (2551). ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของสมาชิกชมรมผู้สูงอายุบ้านไร่ป่าคา ตำบลท่าตุ้ม อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
พรนภา เจริญสันต์. (2553). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพชีวิตของผู้พิการทางกายและการเคลื่อนไหวในจังหวัดสมุทรปราการ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
พิชัย ไผ่พงษ์. (2554). การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกายของเทศบาลตำบลไทรย้อย จังหวัดพิษณุโลก (การศึกษาอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
พุธเมษา หมื่นคำแสน. (2542). ความสามารถในการดูแลตนเองและภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุชาวกะเหรี่ยง (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
เพชร์ชรินทร์ ตันคงจำรัสกุล. (2552). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพของผู้พิการ: กรณีศึกษาเขตเทศบาลเมืองพิจิตร (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). พิษณุโลก: มหาวิทยาลัยนเรศวร.
เพ็ญประภา ไสวดี, ชนัญชิดาดุษฎี ทูลศิริ, และพรนภา หอมสินธุ์. (2558). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความสามารถในการดูแลตนเองของคนพิการทางการเคลื่อนไหว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 24(1), 89-104.
ภัทรวรรธน์ คำดี. (2555). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุจังหวัดอำนาจเจริญ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.
วัชรินทร์ จิตตกุลเสนา. (2552). การสงเคราะห์และจัดสวัสดิการผู้พิการ: กรณีศึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโหนด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา (การศึกษาอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
วุฒิชัย แพงจ่อย. (2553). แนวทางการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (การศึกษาอิสระปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ศูนย์สิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ. (2551). 3 คนพิการ 3 ชะตากรรม กับโอกาสแห่งชีวิตที่ศูนย์สิรินธร. สืบค้น วันที่ 5 มีนาคม 2558, จาก http://newsnit_net-460016.htm
สร้อยสวรรค์ เกตุไทย, พรนภา หอมสินธุ์, และยุวดี ลีลัคนาวีระ. (2557). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของคนพิการทางการเคลื่อนไหวในอำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท. วารสารการพยาบาลและการศึกษา, 8(1), 27-40.
สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดระยอง. (2557). ข้อมูลการขึ้นทะเบียนคนพิการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2557. สืบค้น วันที่ 5 มีนาคม 2558, จาก http://www.rayong.m-society.go.th
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ. (2557). ข้อมูลทะเบียนกลางคนพิการ ณ วันที่ 30 กันยายน 2557. สืบค้น วันที่ 5 มีนาคม 2558, จาก http://ecard.nep.go.th/nep_all/stat.php?view=nep
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2551). สรุปผลจำนวนคนพิการ. สืบค้น วันที่ 5 มีนาคม 2558, จาก www.nso.go.th
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2555). รายงานการสำรวจสาเหตุความพิการ พ.ศ. 2555. สืบค้น วันที่ 5 มีนาคม 2558, จาก www.nso.go.th
สำนักส่งเสริมและพิทักษ์คนพิการ. (2550). ระบบการเฝ้าระวังและป้องกันความพิการ. สืบค้น วันที่ 5 มีนาคม 2558, จาก http://dep.go.th/home
อรสรวง บุนนาค. (2545). เส้นทางแห่งสิทธิและความเท่าเทียมบนถนนสาย “คนพิการ”. วารสารวิจัยเพื่อคนพิการ, 1(7), 50-57.
อัฐมา โภคาพานิชวงษ์. (2549). ภาพสะท้อนและเรื่องเล่า “ความพิการ” ของผู้พิการในสังคมไทย. กรุงเทพฯ: ม.ป.ท.
Cohen, J. (1992). A power primer. Psychological Bulletin, 112(1), 155-159.
Orem, D. E. (2001). Nursing: Concepts of practice (5th ed.). St. Louis: Mosby-Year Book.
Pender, N. J., Murdaugh, C. L., & Parsons, M. A. (2011). Health promotion in nursing practice (6th ed.). New Jersey: Pearson/ Prentice Hall.
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2008). Nursing research: Generating and assessing evidence for nursing practice (8th ed.). Philadelphia: Lippincott.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน