พฤติกรรมการใช้สมุนไพรและผักพื้นบ้านในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เครือข่ายโรงพยาบาลองครักษ์ จังหวัดนครนายก
คำสำคัญ:
สมุนไพร, ผักพื้นบ้าน, การลดระดับน้ำตาลในเลือด, ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้สมุนไพรและผักพื้นบ้านในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 คลินิกเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เครือข่ายโรงพยาบาลองครักษ์ จังหวัดนครนายก ในกลุ่มตัวอย่างที่เลือกแบบเจาะจง จำนวน 165 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการใช้สมุนไพรและผักพื้นบ้านในการลดระดับน้ำตาลในเลือดที่มีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับจุดประสงค์ในแต่ละข้อมากกว่า .50 เก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงเดือนมกราคม 2557 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่รับประทานสมุนไพรและผักพื้นบ้าน คิดเป็นร้อยละ 58.79 2) สมุนไพรที่กลุ่มตัวอย่างรับประทานมาก 5 อันดับแรก ได้แก่ รางจืด ปอบิด ใบเตยหอม แห้ม และฟ้าทะลายโจร 3) ผักพื้นบ้านที่กลุ่มตัวอย่างรับประทานมาก 5 อันดับแรก ได้แก่ ตำลึง มะระขี้นก กระเพรา มะระจีน และผักบุ้ง และ 4) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีระยะเวลาในการรับประทานตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 74.23 วิธีการรับประทานคือ นำมาปรุงเป็นอาหาร คิดเป็นร้อยละ 72.16 ความถี่ในการรับประทานคือ 1-2 วันต่อสัปดาห์ มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 49.49 เกือบทั้งหมดไม่เกิดผลข้างเคียง คิดเป็นร้อยละ 95.88 และแหล่งที่มาคือ เป็นพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 53.61
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่าควรมีการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับสรรพคุณและผลข้างเคียงของสมุนไพรและผักพื้นบ้านแก่ผู้ป่วยเบาหวาน สนับสนุนให้มีการปลูกพืชสมุนไพรและผักพื้นบ้านที่มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดในชุมชน และแนะนำการใช้สมุนไพรควบคู่กับยาแผนปัจจุบันอย่างเหมาะสม ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เอกสารอ้างอิง
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข. (2556). สุขภาพดีเริ่มต้นที่นี่. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
กัญยา สุยะมั่ง. (2551). ผลของโปรแกรมสร้างเสริมแรงจูงใจในการออกกำลังกายต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
กาญจนา ปัญญา, และวิยะกาญจน์ วรวิภัทร. (2550). การใช้สมุนไพรท้องถิ่นในการดูแลสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานในพื้นที่ตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ (รายงานผลการวิจัย). คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
คลีพัตรา ไชยศรี, ศศิมา กุสุมา ณ อยุธยา, วิมลรัตน์ ภู่วราวุฒิพานิช, และธวัชชัย พีรพัฒน์ดิษฐ์. (2556). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการใช้ยาของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาลศาสตร์, 31(3), 67-75.
ดารณี อ่อนชมจันทร์. (2552). สถานการณ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพและการแพทย์พื้นบ้าน. สืบค้น วันที่ 27 พฤษภาคม 2556, จาก https://sites.google.com/site/craithaimed/Home/prakas/sthankarnphumipayyathxngthindansukhphaphlaeakarphaethyphunbanthiy
พัชรี ประทุมแย้ม, และนูรีดา จิงู. (2554). การดูแลตนเองและการใช้สมุนไพรในการรักษาโรคเบาหวานของผู้ป่วยเบาหวาน โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี. สืบค้น วันที่ 5 สิงหาคม 2557, จาก htt://www.thaimed.buu.ac.th/file%20downlode/research/3.pdf
พันธิตร์ มะลิสุวรรณ. (2546). สมุนไพรบำบัดโรคเบาหวาน. กรุงเทพฯ: ยูทิไลซ์.
มัลลิกา เขมา. ( 2551). การใช้พืชสมุนไพรของผู้ป่วยโรคเบาหวานในตำบลพระอาจารย์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
เลิศมณฑน์ฉัตร อัครวาทิน, สุรางค์ เมรานนท์, และสุทิติ ขัตติยะ. (2554). พฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวาน: กรณีศึกษาผู้ป่วย ตำบลม่วงงาม อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี. วารสารบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์, 5(1), 103-112.
วิภา อุทยานินทร์, เสาวนันท์ บำเรอราช, และกาญจนา นิ่มสุนทร. (2556). พฤติกรรมการใช้สมุนไพรในการลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน: ข้อมูลพื้นฐานนำไปสู่การพัฒนาระบบบริการเบาหวานในอำเภอห้วยแถลง. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 1(1), 11-24.
Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and psychological measurement, 30, 607-610.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2015 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน