ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการฝังยาคุมกำเนิดต่อความรู้และการใช้ยาฝังคุมกำเนิดของวัยรุ่นหลังคลอด

ผู้แต่ง

  • จารุวรรณ์ ท่าม่วง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  • วรรณทนา ศุภสีมานนท์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
  • วรรณี เดียวอิศเรศ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี

คำสำคัญ:

การส่งเสริมสุขภาพ, การคุมกำเนิดแบบฝังยา, วัยรุ่นหลังคลอด, ความรู้เกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิด

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการส่งเสริมการฝังยาคุมกำเนิดต่อความรู้และการใช้ยาฝังคุมกำเนิดของวัยรุ่นหลังคลอด กลุ่มตัวอย่างเป็นวัยรุ่นหลังคลอดขณะพักฟื้นที่หอผู้ป่วยหลังคลอด โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี จำนวน 66 คน แบ่งออกเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 33 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย โปรแกรมการส่งเสริมการฝังยาคุมกำเนิด แบบสอบ ถามข้อมูลทั่วไป แบบวัดความรู้เกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิดของวัยรุ่นหลังคลอด มีค่าความเชื่อมั่น .73 และแบบบันทึกการรับบริการฝังยาคุมกำเนิด ดำเนินการทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 2561 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน Chi-square test, Fisher’s exact test, Mann-Whitney U test, paired t-test และ independent t-test

ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิดสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 9.670, p < .001) กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยผลต่างของคะแนนความรู้เกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิดก่อนและหลังการทดลอง สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 5.540, p < .001) และกลุ่มทดลองมีสัดส่วนของวัยรุ่นหลังคลอดที่ได้รับการฝังยาคุมกำเนิดก่อนจำหน่ายจากโรงพยาบาลสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (χ2 = 4.980, p < .05)

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า บุคลากรทางสุขภาพควรนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้ในการดูแลวัยรุ่นตั้งครรภ์และวัยรุ่นหลังคลอด โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการฝังยาคุมกำเนิด และให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสนับสนุน เพื่อให้วัยรุ่นมีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ อันเป็นการป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ซ้ำอย่างรวดเร็วในวัยรุ่น

References

กรมอนามัย. (2559). แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมตามแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560–2564). สืบค้นจาก http://www.anamai.moph. go.th/download/.pdf

กรรณิการ์ แสงประจง, เอมพร รตินธร, และวรรณา พาหุวัฒนกร. (2559). ผลของการให้การปรึกษาเพื่อสร้างแรงจูงใจต่อความพร้อมในการใช้การคุมกำเนิดระยะยาวในสตรีตั้งครรภ์วัยรุ่น: การศึกษานำร่อง. วารสารพยาบาลศาสตร์, 34(2), 28–39.

ชัชฎาพร จันทรสุข, พรรณพิไล ศรีอาภรณ์, และสุกัญญา ปริสัญญกุล. (2558). ผลการส่งเสริมเจตคติและบรรทัดฐานกลุ่มอ้างอิงต่อความตั้งใจและการใช้การคุมกำเนิดของวัยรุ่นหลังคลอด. พยาบาลสาร, 42(2), 104–115.

นาฎนฤมล ทองมี, เอมพร รตินธร, และปิยะนันท์ ลิมเรืองรอง. (2558). ปัจจัยทำนายการคุมกำเนิดของมารดาวัยรุ่นที่มีบุตรคนแรกในระยะหลังคลอด. วารสารพยาบาลศาสตร์, 33(1), 51–59.

นุชรีย์ แสงสว่าง, บุศรา แสงสว่าง, และประภาพร วิสารพันธ์. (2559). ทัศนคติ ความตระหนัก และลักษณะการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินในวัยรุ่น. วารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 23(1), 15–25.

เปรมวดี คฤหเดช. (2560). ผลของโปรแกรมการให้ความรู้การคุมกำเนิดต่อการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นหญิงกลุ่มเสี่ยงทางเพศ. วารสารเกื้อการุณย์, 24(2), 145–161.

แผนกสูตินรีเวช โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี. (2560). สถิติการฝังยาคุมกำเนิดของวัยรุ่น. จันทบุรี: ผู้แต่ง.

พอเพ็ญ ไกรนรา, เมธิณี เกตวาธิมาตร, และมัณฑนา มณีโชติ. (2556). ผลของโปรแกรมป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมโดยแกนนำนักศึกษาพยาบาลต่อความรู้ ทัศนคติ และความตั้งใจในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของวัยรุ่นตอนต้น. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา, 19(2), 20–30.

พุทธชาด เจริญสิริวิไล, วรรณี เดียวอิศเรศ, และจินตนา วัชรสินธุ์. (2559). ปัจจัยที่มีผลต่อขั้นตอนความพร้อมในการคุมกำเนิดภายหลังคลอดของมารดาวัยรุ่นที่ตั้งครรภ์โดยไม่ได้วางแผน. วารสารพยาบาลทหารบก, 16(2), 88–96.

ฤดี ปุงบางกะดี่, และเอมพร รตินธร. (2557). ปัจจัยและผลกระทบจากการตั้งครรภ์ซ้ำของสตรีวัยรุ่นไทย: กรณีศึกษาในกรุงเทพมหานคร. วารสารพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 32(2), 23–31.

วิไล ตาปะสี, และประไพวรรณ ด่านประดิษฐ์. (2556). สภาพการดำเนินชีวิตของมารดาวัยรุ่นหลังคลอด: กรณีศึกษาวิจัยคุณภาพ. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ, 7(3), 121–132.

วีนัส วัฒนธำรงค์, ณัฐกฤตา ศิริโสภณ, ประเสริฐศักดิ์ กายนาคา, สมบัติ อ่อนศิริ, ชาติชาย อมิตรพ่าย, อัจฉริยะ เอนก, … กัลป์พฤกษ์ พลศร. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความตั้งใจในการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในหญิงวัยรุ่นตั้งครรภ์ซ้ำ. วารสารพยาบาลทหารบก, 18(พิเศษ 1), 102–111.

ศรุตยา รองเลื่อน, ภัทรวลัย ตลึงจิตร, และสมประสงค์ ศิริบริรักษ์. (2555). การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในวัยรุ่น: การสำรวจปัญหาและความต้องการการสนับสนุนในการรักษาพยาบาล. วารสารพยาบาลศิริราช, 5(1), 14–28.

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. (2557). ลดปัญหาแม่วัยรุ่น สปสช.กรมอนามัยให้ยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัยฟรี. สืบค้นจาก https://www.nhso.go.th/FrontEnd/NewsInformationDetail.aspx?newsid=MTUxOQ==

สำนักอนามัยการเจริญพันธ์ กรมอนามัย. (2560ก). สถานการณ์อนามัยเจริญพันธุ์ในวัยรุ่นและเยาวชน ปี 2560. สืบค้นจาก http://rh.anamai.moph.go.th/download/all_file/index/

สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย. (2560ข). ร้อยละของการตั้งครรภ์ซ้ำในหญิงอายุน้อยกว่า 20 ปี. สืบค้นจาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/report.php?source =pformated

สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย. (2560ค). ร้อยละของหญิงไทยอายุน้อยกว่า 20 ปี หลังคลอดหรือหลังแท้งที่ได้รับการคุมกำเนิดด้วยวิธีกึ่งถาวร. สืบค้นจาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/report.php?source=pformated/format1.php&cat_id=1e d90 bc32310 b503b7ca9b32af425ae5&id=18f1e8ff96be07d297b51aa8cd21b297

สุกัญญา ปวงนิยม, และวันเพ็ญ แก้วปาน. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ซ้ำในแม่วัยรุ่น จังหวัดเพชรบุรี. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 27(1), 30–41.

สุนีย์ จุ่มกลาง, รุ่งรัตน์ ศรีสุริยเวศน์, และพรนภา หอมสินธุ์. (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจใช้ยาฝังคุมกำเนิดโดยใช้แนวคิดการให้ข้อมูลข่าวสาร แรงจูงใจ และทักษะพฤติกรรมในมารดาวัยรุ่น. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 25(2), 31–42.

สุพัตรา หน่ายสังขาร. (2561). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการใช้ยาฝังคุมกำเนิดต่อความรู้ ระดับความพร้อม และการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในมารดาวัยรุ่นหลังคลอด (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.

สุวรรณา พาหุสัจจะลักษณ์. (2561). ผลของการส่งเสริมเจตคติต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิดของหญิงหลังคลอดอายุน้อยกว่า 20 ปี ในโรงพยาบาลบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย, 8(2), 226–236.

อนงค์ ประสาธน์วนกิจ, ประณีต ส่งวัฒนา, และบุญวดี เพชรรัตน์. (2552). ความเชื่อเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์และรูปแบบพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นและเยาวชนในสถานศึกษาจังหวัดสงขลา. สงขลานครินทร์เวชสาร, 27(5), 369–380.

อารียา สมรูป. (2561). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิดภายหลังคลอดในมารดาวัยรุ่นครรภ์แรก (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.

Abdisa, B., & Mideksa, L. (2017). Factors associated with utilization of long acting and permanent contraceptive methods among women of reproductive age group in Jigjiga town. Journal of Anatomy and Physiology, 7(2), 1–7.

Bachorik, A., Friedman, J., Fox, A., Nucci, A. T., Horowitz, C. R., & Diaz, A. (2015). Adolescent and young adult women’s knowledge and attitudes toward etonogestrel implants. Journal of Pediatric and Adolescent Gynecology, 28(4), 229–233.

Birhane, K., Tsegaye, W., Mulaw, A., Nemomsa, C., Abebe, G., Derese, G., ... Negash, W. (2016). Utilization of long acting reversible contraceptive methods and associated factors among female college students in Debre Berhan town, Ethiopia. Advances in Applied Sciences, 1(1), 18–23.

Bloom, B. S. (1976). Human characteristics and school learning. New York: McGraw-Hill.

Brito, M. B., Alves, F. S. S., Souza, M. Q., & Requiao, S. R. (2018). Low level of knowledge of contraceptive methods among pregnant teens in Brazil. Journal of Pediatric and Adolescent Gynecology, 31(3), 281–284.

Cohen, J. (1977). Statistical power analysis for the behavioral sciences: Revision edition. Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates.

Fleming, N., O’Driscoll, T., Becker, G., & Spitzer, R. F. (2015). Adolescent pregnancy guidelines. Journal of Obstetrics and Gynaecology Canada, 37(8), 740–756.

Ganchimeg, T., Ota, E., Morisaki, N., Laopaiboon, M., Lumbiganon, P., Zhang, J., … Mori, R. (2014). Pregnancy and childbirth outcomes among adolescent mothers: A World Health Organization multicountry study. An International Journal of Obstetrics & Gynaecology, 121(Suppl. 1), 40–48.

George, T. P., DeCristofaro, C., Dumas, B. P., & Murphy, P. F. (2015). Shared decision aids: Increasing patient acceptance of long-acting reversible contraception. Healthcare, 3(2), 205–218.

Hoopes, A. J., Gilmore, K., Cady, J., Akers, A. Y., & Ahrens, K. R. (2016). A qualitative study of factors that influence contraceptive choice among adolescent school based health center patients. North American Society for Pediatric and Adolescent Gynecology, 29, 259–264.

Pender, N. J., Murdaugh, C., & Parsons, M. A. (2011). Health promotion in nursing practice (6th ed.). Boston, MA: Pearson.

Polit, D. F., & Hungler, B. P. (1999). Nursing research principles and methods (6th ed.). New York: Lippincott.

Potter, J., Rubin, S. E., & Sherman, P. (2014). Fear of intrauterine contraception among adolescents in New York City. Contraception, 89(5), 446–450.

Secura, G. M., Allsworth, J. E., Madden, T., Mullersman, J. L., & Peipert, J. F. (2010). The contraceptive CHOICE project: Reducing barriers to long-acting reversible contraception. American Journal of Obstetrics and Gynecology, 203(2), 115. e1–e7.

Tang, J. H., Kopp, D. M., Stuart, G. S., O’Shea, M., Stanley, C. C., Hosseinipour, M. C., … Rosenberg, N. E. (2016). Association between contraceptive implant knowledge and intent with implant uptake among postpartum Malawian women: A prospective cohort study. Contraception and Reproductive Medicine, 1(1), 13.

Tomlin, K., Bambulas, T., Sutton, M., Pazdernik, V., & Coonrod, D. V. (2017). Motivational interviewing to promote long-acting reversible contraception in postpartum teenagers. Journal of Pediatric and Adolescent Gynecology, 30(3), 383–388.

Wilson, S. F., Degaiffier, N., Ratcliffe, S. J., & Schreiber, C. A. (2016). Peer counselling for the promotion of long-acting, reversible contraception among teens: A randomized controlled trial. The European Journal of Contraception & Reproductive Health Care, 21(5), 380–387.

World Health Organization. (2012). Adolescent pregnancy. Retrieved from http://www.who.int/making_pregnancy_safer/topics/adolescen_pregnancy/en/print.html

World Health Organization. (2014). Adolescent pregnancy. Retrieved from http://www.who.int/mediacentre/factsheets/fs364/en/

World Health Organization. (2016). Global strategy for women’s, children’s and adolescents’ health. Retrieved from http://www.apps.who.int/gho/data/node.gswcah

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2020-12-29

How to Cite

ท่าม่วง จ., ศุภสีมานนท์ ว., & เดียวอิศเรศ ว. (2020). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการฝังยาคุมกำเนิดต่อความรู้และการใช้ยาฝังคุมกำเนิดของวัยรุ่นหลังคลอด. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 31(2), 104–122. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/181861

ฉบับ

บท

รายงานการวิจัย (Research Report)