พฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของบุคคลากรวัยผู้ใหญ่ตอนกลาง ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของรัฐ

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงพรรณนาภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของบุคลากรวัยผู้ใหญ่ตอนกลาง และความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลและปัจจัยด้านจิตวิทยากับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของบุคลากรวัยผู้ใหญ่ตอนกลาง กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากรวัยผู้ใหญ่ตอนกลางที่ทำงานในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของรัฐ จำนวน 200 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยจิตวิทยา ได้แก่ ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และความสุข และแบบสอบถามพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .87, .91, และ .92 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา การทดสอบไคสแควร์ และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการวิจัย พบว่า

1. กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 46.46 ปี (SD = 5.45) เพศหญิง ร้อยละ 67.50 มีการศึกษาในระดับปริญญาโท ร้อยละ 50.50 สถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ 46.00 ความพอเพียงของค่าใช้จ่ายต่อเดือน มีเงินพอใช้และเหลือเก็บ ร้อยละ 50.00 ปฏิบัติงานสายวิชาการ ร้อยละ 59.00 มีดัชนีมวลกายตามเกณฑ์ ร้อยละ 59.70ส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 78.00 มีพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง (M = 86.38, SD = 12.85) ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองอยู่ในระดับสูง (M = 78.54, SD = 12.75) และความสุขอยู่ในระดับมาก (M = 4.45, SD = .70)

2. ระดับการศึกษามีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .05) (X² = 38.95, Cramer’s V = .30) ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และความสุขมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (r = .48, .56 ตามลำดับ)

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า มหาวิทยาลัยของรัฐควรมีนโยบายจัดกิจกรรมส่งเสริมพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพ ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง และความสุขให้แก่บุคลากรวัยผู้ใหญ่ตอนกลาง และออกแบบกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพให้สอดคล้องกับช่วงวัย