ประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาสมรรถนะผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มติดบ้านศูนย์แพทย์มิตรภาพ จังหวัดขอนแก่น
บทคัดย่อ
ประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาสมรรถนะผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มติดบ้านศูนย์แพทย์มิตรภาพ จังหวัดขอนแก่น
อาภาพรรณ มงคลอินทร์ ศศ.ม*. นิตยา ศรีสุทธิกมล ปร.ด**. อรวรรณ ดวงมังกร ปร.ด.***
บทคัดย่อ
บทนำ: ปัจจุบันประเทศไทย เข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Complete Aged Society) นับเป็นความท้าทายที่กลุ่มผู้ให้บริการสุขภาพทั้งในระบบบริการสุขภาพชองภาครัฐและหน่วยงานอื่นต้องบูรณาการ ให้การดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงให้ดำรงชีวิตอยู่ในครอบครัว ชุมชน และสังคมได้อย่างมีสุขภาวะ
วัตถุประสงค์:เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาสมรรถนะผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มติดบ้าน ศูนย์แพทย์มิตรภาพ จังหวัดขอนแก่น
วิธีการศึกษา:การวิจัยครั้งนี้เป็นแบบแผนการทดลองขั้นต้น (Pre- experimental design) แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและ-หลังการทดลอง(The one Groups Pretest-Posttest Design) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาสมรรถนะผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มติดบ้าน ศูนย์แพทย์มิตรภาพ จังหวัดขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง 2 กลุ่มได้แก่ 1) กลุ่มผู้ดูแลผู้สูงอายุสุขภาพดี อายุไม่เกิน 75ปี จำนวน 26 คน และ 2) กลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ติดบ้านจำนวน 26 คน เก็บข้อมูลระหว่างเดือนสิงหาคม - ตุลาคม 2567 เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยแผนการสอน แบบสอบถามผู้ดูแลผู้สูงอายุ แบบสอบถามผู้สูงอายุ วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับข้อมูลส่วนบุคคล และใช้ Wilcoxon signed rank test วิเคราะห์เปรียบเทียบระดับคะแนนผู้ดูแลผู้สูงอายุ ความแตกต่างของค่าความรู้ ทัศนคติ และทักษะการดูแลผู้สูงอายุก่อน/หลังทดลอง รวมถึงวิเคราะห์เปรียบเทียบระดับความสามารถ ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยพฤติกรรมการประกอบกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุก่อน/หลังทดลอง
ผลการศึกษา:พบว่าคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุก่อนและหลังได้รับโปรแกรมพัฒนาสมรรถนะของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มติดบ้าน (n=26) พบว่าด้านความรู้ทั่วไปมีคะแนนเฉลี่ยก่อนการอบรมเท่ากับ 14.85 (S.D.=1.93) และหลังการอบรมเพิ่มขึ้นเป็น 17.57 (S.D.=1.33) เมื่อทดสอบทางสถิติพบว่ามีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=5.52, p<.001) สำหรับด้านความรู้การฟื้นฟูสภาพด้วยวิธีกายภาพบำบัด พบว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนการอบรมเท่ากับ 6.30 (S.D.=1.49) และหลังการอบรมเพิ่มขึ้นเป็น 7.00 (S.D.=1.79) เมื่อทดสอบทางสถิติพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z=-1.731, p=.083) ดังนั้นผลของโปรแกรมพัฒนาสมรรถนะมีประสิทธิผลในการเพิ่มความรู้ทั่วไปของผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มติดบ้าน แต่ไม่พบความแตกต่างในด้านความรู้การฟื้นฟูสภาพด้วยวิธีกายภาพบำบัดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ข้อเสนอแนะ: 1) ควรมีการศึกษาติดตามระยะยาว (Longitudinal study) เพื่อประเมินความคงอยู่ของความรู้และทักษะของผู้ดูแลผู้สูงอายุ รวมถึงความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวันของผู้สูงอายุ อย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี
2) ควรพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมเฉพาะด้านการฟื้นฟูสภาพทางกายภาพบำบัด โดยเพิ่มระยะเวลาการฝึกปฏิบัติและมีการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
คำสำคัญ: โปรแกรมพัฒนาสมรรถนะ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงกลุ่มติดบ้าน
References
เอกสารอ้างอิง
Petmak, S. Thai society's crisis or opportunity?. National Health Commission Offece. [database on the Internet]. 2024 [cited 2024 DEC ]. Available from: https://www.nationalhealth.or.th/th
Health Data Center. Khon Kaen Provincial Health Office. [database on the Internet]. 2024 [cited 2024 July 15 ]. Available from:https://www.kkpho.go.th/index.php
Khon Kaen Municipality. (2023). Long-term public health care plan for dependent people in Khon Kaen 2023. Khon Kaen: Khon Kaen Municipality.
Department of Health, Public Health Ministry. (2024). Manual for training guidelines for caregivers of the elderly (Caregiver), 70-hour course, revised 2024.[In Thai]
Jongudomkarn D, Camfield L. Exploring the quality of life of people in North Eastern and Southern Thailand. Social Indicators Research 2006;78(3):489-529.
Bloom BS, editor. Taxonomy of educational objectives: The classification of educational goals, Handbook 1: The cognitive domain. New York: David McKay; 1956.
Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A.G. and Buchner, A. (2007) G*Power 3: A Flexible Statistical Power Analysis Program for the Social, Behavioral, and Biomedical Sciences. Behavior Research Methods, 39, 175-191.
http://dx.doi.org/10.3758/BF03193146
Polit, D. F., & Beck, C. T. (2017). Nursing Research: Generating and Assessing Evidence for Nursing Practice. (10th ed.). Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins.
Petmak, S. Thai society's crisis or opportunity?. National Health Commission Offece. [database on the Internet]. 2024 [cited 2024 DEC ]. Available from: https://www.nationalhealth.or.th/th
Abdullakasim W, Panthong A, Wattanaburanon P, Chotigawin R. Effectiveness of a Self–Efficacy Program on Knowledge, Practices and Expectations on Elderly Care in relation to Physical Therapy of Caregivers in Tambon Takasem, Meuang District, Sa kaeo Province. J Sakaeo Hosp. 2021;36(2):15-24.
Boonsirimongkon N. Effectiveness of the program for developing skills in caring for the elderly regarding dependency on care skills of caregivers in the area of Pa Daet District, Chiang Rai Province. Journal of Chiang Rai Provincial Health Office. 2024;1(3):24-36.
Seedokbaub Y, Promdee P, Kongputtikul K, Rittiwong T. The Effectiveness of a competency development program of caregivers for the care of dependent older adults, Muang District, Nong Bua Lamphu province. J Health Sci Res. 2023;17(2):99-110.
. Kabmanee N, Khoyun S, Phisaiphanth S. The Development Model for Enhancing Capabilities of Caregivers for Dependent Elderly in the New Normal Era. Journal of Sakon Nakhon Hospital. 2024;27(3):57-69..
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2025 กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลขอนแก่น

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ กลุ่มภารกิจด้านพยาบาล โรงพยาบาลขอนแก่น
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลขอนแก่น หรือบุคลากรในโรงพยาบาลแต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว