การศึกษาผลระยะสั้นของการทำสมาธิต่อการลดความเครียดของนิสิตแพทย์ปี 4 และ ปี 5 ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกโรงพยาบาลนครพิงค์

ผู้แต่ง

  • ชลาทิพย์ ซื่อวัฒนะ
  • ชาญชัย พจมานวิพุธ
  • ธำรง หาญวงศ์

คำสำคัญ:

ความเครียด, นิสิตแพทย, ท าสมาธิ

บทคัดย่อ

ความเป็นมา: ความเครียดเป็นปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งที่พบได้ในกลุ่มนิสิตแพทย์ สาเหตุของ ความเครียดมักมาจากการเรียนการสอนเป็นหลัก ร่วมกับปัญหาด้านอื่นๆ เช่นปัญหาเรื่องการใช้ชีวิต ปัญหาส่วนตัว สิ่งแวดล้อม เมื่อเกิดความเครียดอาจส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนลดลง จากการ ค้นคว้าผู้วิจัยพบว่าการทำสมาธิจะส่งผลให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย ซึ่งจะทำให้ความเครียดและระดับความวิตกกังวลลดลงด้วย จึงได้ทำการศึกษาผลของการเข้าร่วมโครงการทำสมาธิว่าสามารถช่วยลดความเครียดให้แก่นิสิตแพทย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพตนเอง แก่นิสิตแพทย์และช่วยปรับปรุงโครงการที่เป็นประโยชน์แก่นิสิตแพทย์ในปีต่อๆไป

วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอุบัติการณ์ความเครียด และผลระยะสั้นของการทำสมาธิในการลดความเครียดในกลุ่มนิสิตแพทย์ปี 4 และ ปี 5 ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกโรงพยาบาลนครพิงค์มหาวิทยาลัยพะเยา
รูปแบบการวิจัย: เชิงทดลองแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อนและหลัง
สถานที่ทำการวิจัย: ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลนครพิงค์ มหาวิทยาลัยพะเยา
กลุ่มประชากร: นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 4 จ านวน 9 คน และนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 5 จ านวน 10 คน
วิธีการศึกษา: เก็บข้อมูลทั่วไป, สาเหตุความเครียด, การจัดการกับความเครียดและทำแบบทดสอบ ความเครียดสวนปรุง ชุด 20 ข้อ (Suanprung Stress Test-20) ก่อนและหลังเข้าโครงการทำสมาธิ
ผลการศึกษา: ผู้เข้าร่วมการศึกษา19 คน ชาย 4 คน, หญิง 15คน อายุเฉลี่ย 30.7 ปี; นิสิตแพทย์ปีที่ 4 จำนวน 9 คน (ร้อยละ 47) นิสิตแพทย์ปีที่ 5 จ านวน 10 คน (ร้อยละ 53);มีภูมิลำเนา ในเมือง ร้อยละ 36 ชานเมืองและนอกเมือง ร้อยละ 32; สาเหตุของความเครียด ร้อยละ 58 เกิดการเรียนการสอน บุคคลากร ข้อบังคับในสถานศึกษา, ร้อยละ 26 เกิดจากปัญหาส่วนตัว ครอบครัว การใช้ชีวิต ที่เหลือ ร้อยละ 16 เกิดจากสิ่งแวดล้อม; นิสิตแพทย์มีวิธีการจัดการความเครียดโดยวิธีอ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ดูหนัง ฟังเพลง ร้อยละ 47.5, จัดการความเครียดโดยการปรับทัศนคติ เผชิญหน้ากับปัญหา ปรับทุกข์กับบุคคลอื่น ร้อยละ 47.5, โดยการนั่งสมาธิ ร้อยละ 5, ร้อยละ 64 มีความเครียดระดับปานกลาง, ร้อยละ 26 มีความเครียดระดับสูง, ร้อยละ 5 มีความเครียดในระดับรุนแรง, ร้อยละ 5 มีความเครียดในระดับ ต่ำ; เมื่อเปรียบเทียบคะแนนความเครียด ก่อนและหลังเข้าโครงการท าสมาธิ ผลคะแนนวามเครียด
เฉลี่ยลดลงจาก 42.21 เหลือ 36.95 อย่างมีนัยส าคัญ (P=.029)
สรุป: โครงการท ำสมาธิสามารถช่วยลดความเครียดในกลุ่มนิสิตแพทย์ปี 4 และปี 5 ในระยะสั้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อเสนอแนะ: โครงการนี้ศึกษาผลในระยะสั้นของการทำสมาธิ ซึ่งจะส่งผลต่อการลดความเครียดได้ใน ชีวิตประจำวันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาควรมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องด้วย ดังนั้นควรมีการศึกษาผลระยะยาวของโครงการนี้ว่าสามารถทำให้นิสิตแพทย์นำการทำสมาธิไปปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่องจริงหรือไม่ และค้นหาปัจจัยหรือแรงจูงใจที่ทำให้นิสิตแพทย์สามารถนำหลักการทำสมาธิไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป

เอกสารอ้างอิง

1. กนกวรรณ ลิ้มศรีเจริญ, ณสมพล หาญดี, สุดสบาย จุลกทัพพะ. ความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธฺกับภาวะซึมเศร้า
ในนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2-6 ของคณะแพทย์แห่งหนึ่งในประเทศไทย. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
2557;59(1):29-40.
2. ชัยวัชร์ อภิวาทนสิริ, กฤติยา โสมะเกษตรินทร์, กิตติศักดิ์ สุรประยูรและคณะ. ความเครียดและการจัดการ
ความเครียดของนักศึกษาแพทย์ชั้นคลินิกมหาวิทยาลัยขอนแก่น. Srinagarind Med J 2007;22:131.
3. เธียรชัย งามทิพย์วัฒนา, สุชีรา ภัทรา จตุวรรตน์, มาลัย เฉลิมชัยนุกูล. ความเครียดและรูปแบบการแก้ปัญหาของ
นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย 2543;
45(1):59–69.
4. รุ่งรัตน์ ระย้าแก้ว, วัลลี สัตยาศัย. ความเครียดของนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 4-6 กรณีศึกษาศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้น
คลินิก โรงพยาบาลพุทธชินราช พิษณุโลก. ธรรมศาสตร์เวชสาร 2556;13(1):17-22.
5. สุวรรณา สี่สมประสงค์. การศึกษาความเครียดของนักศึกษาแพทย์ระดับชั้นปีที่ 4-6.สารนิพนธ์ กศ.ม. (จิตวิทยาการ
แนะแนว). กรุงเทพฯ:บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. 2552.
6. วลุลี โพธิรังสิยากร. ความเครียด วิธีผ่อนคลายและความคิดเห็นของนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยนเรศวรต่อการ
จัดมุมสบายคลายเครียดของห้องสมุด. พุทธชินราชเวชสาร 2550;24(3): 306-16.
7. พนิดา สังฆพันธ์, ประภาพร ตั้งธนธานิช, ลักคณา สาระรัตน์ และคณะ. ปัญหาความเครียดและสุขภาพจิตของ
นักศึกษาสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วารสารนวัตกรรมการเรียนการสอน 2549; 3(1)17-30.
8. กาญจนี โชติชัยวิวงศ์กุล. (2547). ปัจจัยบางประการที่เกี่ยวข้องกับความเครียดของนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 คณะ
แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. ปริญญาานิพนธ์กศ.ม. (จิตวิทยาพัฒนาการ). กรุงเทพฯ:บัณฑิต
วิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตร
9. Yusoff M.S.B., Rahim A.F.A., Baba, A.A. Prevalence and associated factors of stress, anxiety and
depression among prospective medical students. Asian Journal of Psychiatry 2013;6:128-33.
10. วรัชฌา คุณาดิศร, จารุรินทร์ ปิตานุพงศ์. ภาวะสุขภาพจิตและปัจจัยที่สัมพันธ์ในนักศึกษาแพทย์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.สงขลานครินทร์เวชสาร 2553;28(3):139-44.
11. กรมสุขภาพจิต. คู่มือคลายเครียด (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ:กระทรวงสาธารณสุข,2551
12. นิธิพันธ์ บุญเพิ่ม. ความเครียดและการจัดการความเครียดของนักศึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี. การค้นคว้าอิสระหลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
ศิลปากร, 2553.
13. Cheryl R, Dylan G, Annabel P. Interventions to reduce stress in university students: A review and
meta-analysis. Journal of Affective Disorders 2013; 148:1–11.
14. Julie AI, Patricia LD, Jeeseon P. Cultivating mindfulness in health care professionals: A review of
empirical studies of mindfulness-based stress reduction (MBSR).Complementary therapies in
clinical practice 2009; 15(2):61-6.
15. Khoury B, Lecomte T, Fortin G. et al. Mindfulness-based therapy: a comprehensive meta-analysis.
Clin Psychol Rev.2013;33 (6): 763-7
16. Shapiro SL, Brown KW, Astin JA.Toward the Integration of meditation into Higher education: A
review of research.The center for contemplative mind in society. Available from
www.contemplativemind.org/archives/830
17. Ludwig D. Kabat-Zinn J. Mindfulness in medicine.JAMA 2009;300:1350–52.
18. ทัศนา บุญทอง, วิไล นาป่า, วาสนา แฉล้มเขตร และคณะ. ผลของการผ่อนคลายแบบเกร็งกล้ามเนื้อต่อระดับความ
วิตกกังวลในผู้ป่วยโรคหอบหืด. Rama Nurs J 2010;16(1):136-49.
19. สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล. วนิดา พุ่มไพศาลชัย. พิมพ์มาศ ตาปัญญา. รายงานการวิจัยเรื่องการสร้างแบบวัด
ความเครียดสวนปรุง. โรงพยาบาลสวนปรุง จังหวัดเชียงใหม่. พฤษภาคม 2540.
20. พระปาโมทย์ ปาโมชโช.วิธีการปฏิบัติธรรม. กลุ่มวิมุตติ. กรุงเทพฯ. พฤษภาคม 2551. Available from
https://www.wimutti.net
21. Teasdale, J. D., Segal. Et al. Prevention of relapse/recurrence in major depression by mindfulnessbased cognitive therapy. Journal of Consulting and Clinical Psychology2000;68:615–23.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-07-08

รูปแบบการอ้างอิง

ซื่อวัฒนะ ช., พจมานวิพุธ ช., & หาญวงศ์ ธ. (2019). การศึกษาผลระยะสั้นของการทำสมาธิต่อการลดความเครียดของนิสิตแพทย์ปี 4 และ ปี 5 ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกโรงพยาบาลนครพิงค์. วารสารโรงพยาบาลนครพิงค์, 6(2). สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jnkp/article/view/201961

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานการวิจัย