ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 ของสามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น
คำสำคัญ:
ความรอบรู้, พฤติกรรมการป้องกันโควิด 19, สามเณรบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ของสามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่นจำนวน 96 รูป โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน และทดสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถามความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 โดยใช้สัมประสิทธ์แอลฟ่าของครอนบาคเท่ากับ 0.89 และ 0.96 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-Square test และประมาณค่าช่วงเชื่อมั่นโดยใช้ 95% ของ Crude Odds Ratio
ผลการศึกษา พบว่า สามเณรมีความรอบรู้ด้านสุขภาพในภาพรวมอยู่ในระดับสูงมากที่สุด (ร้อยละ 55.21) ส่วนรายด้าน พบว่าด้านการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพและบริการสุขภาพ และด้านการเข้าใจข้อมูลสุขภาพ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูง (ร้อยละ 60.42 และ 58.33) ส่วนความรอบรู้ในด้านการเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ด้านการโต้ตอบ ซักถาม แลกเปลี่ยน ด้านการตัดสินใจด้านสุขภาพ และด้านการบอกต่อ อยู่ในระดับปานกลางมากที่สุด (ร้อยละ 52.08, 50.00, 48.96, และ 48.96 ตามลำดับ) ส่วนพฤติกรรมในการป้องกันโรคโควิด 19 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี (ร้อยละ 53.13) การบอกต่อและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลสุขภาพ การโต้ตอบ ซักถาม แลกเปลี่ยน ตัดสินใจด้านสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตนเอง และการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value = 0.002, 0.007, 0.007, 0.070 และ 0.030 ตามลำดับ) ส่วนองค์ประกอบด้านการเข้าใจข้อมูลสุขภาพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพการป้องกันโควิด 19 อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value = 0.177) ดังนั้น จึงควรมีการจัดให้คุณครูผู้สอน พระผู้ใหญ่ในวัดหรือเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านสุขภาพ ไปให้ความรู้แก่สามเณร เกี่ยวกับความรอบรู้ด้านสุขภาพที่เหมาะสมเพื่อให้มีด้านความรู้ความเข้าใจทางสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันโรคโควิด 19 ในระดับที่ดีขึ้น และเห็นความสำคัญของการร่วมมือกันป้องกันโรค และรู้สึกถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Spring H. Health literacy and COVID-19. HILJ 2020, 37(3): 171–2.
บงกช โมระกุล, พรศิริ พันธสี. ความรู้และพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 ของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา และวิทยาลัยเซนต์หลุยส์.วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 2564; 15(37): 179-95.
งานโรคติดต่ออุบัติใหม่ กลุ่มพัฒนาวิชาการโรคติดต่อ. สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มาตรการสาธารณสุข และปัญหาอุปสรรคการป้องกันควบคุมโรคในผู้เดินทาง [อินเทอร์เน็ต]. 2564 [เข้าถึงเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/files/2017420210820025238.pdf
วิชัย เทียนถาวร, ณรงค์ ใจเที่ยง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 ในกลุ่มวัยเรียนมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง. วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2564; 4(2): 126-37.
จรูญศรี มีหนองหว้า, ไวยพร พรมวงศ์, พระครูธรรมธรศิริวัฒน์ สิริวฑฺฒโน, พระใบฎีกาสุพจน์ ตปสีโล, พระครูโกศลวิหารคุณ. แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา 2019 ของพระสงฆ์ในจังหวัดอุบลราชธานี; วารสาร มจร.อุบลปริทรรศน์ 2565; 7(1): 818-31.
Nutbeam D. The evolving concept of health literacy. Soc Sci Med 2008; 67(12): 2072-78.
มนตรี นรสิงห์, สุทธิพันธ์ ถนอมพันธ์. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิต. วารสารโรงพยาบาลนครพิงค์ 2562; 10(1): 36-50.
อารญา โทปัญจ่า, ประทีป กาลเขว้า, เบญญาภา กาลเขว้า. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรม สุขภาพตามหลัก 3อ. 2ส. 1ฟ. ของพระภิกษุสงฆ์และสามเณร โรงเรียนพระปริยัติธรรมในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น. วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน 2565; 4(1): 38-48.
ชลทิศ อุไรฤกษ์กุล. Health Literacy ในฐานะที่เป็นเป้าหมายทางสาธารณสุข : ความท้าทายของยุทธศาสตร์สุขศึกษาและการสื่อสารแบบร่วมสมัยในศตวรรษที่ 21 [อินเทอร์เน็ต]. 2562 [เข้าถึงเมื่อ 18 มิ.ย. 2565]. เข้าถึงได้จาก: http://doh.hpc.go.th/data/hl/HLAsPublicHealthGoal.pdf
วชิระ เพ็งจันทร์, ชนวนทอง ธนสุกาญจน์. แนวคิด หลักการ ขององค์กรรอบรู้ด้านสุขภาพ. นนทบุรี: สำนักงานโครงการขับเคลื่อนกรมอนามัย 4.0 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2561.
อรุณ จิรวัฒน์กุล. สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่2. กรุงเทพฯ: วิทยพัฒน์; 2556.
Lachin JM. Introduction to sample size determination and power analysis for clinical trials. Control Clin Trials 1981; 2: 93-113.
Best JW. Research in education. 3rd ed. India, New Delhi: Prentice Hall, Inc; 1978.
McMillan HJ, Schumacher S. Research in education: evidence-based inquiry. 7th ed. Boston: USA; Pearson Education, Inc; 2010.
ปรางค์ทิพย์ อุจะรัตน, ปราณี ทัดศรี, ดวงนภา บุญส่ง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันตนเอง จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักศึกษาพยาบาล. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ 2565; 42(3): 14-24.
สุภาภรณ์ ตันตินันทรตระกูล, พิราวรรณ พิณราช, จิฬาวัจน์ เลิกนอก, ธนพร แย้มศรี. ความสัมพันธ์ด้านความรอบรู้ ด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 ของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2564; 11(3): 528-45.
จิระภา ขำพิสุทธิ์. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด 19 ของนักศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ วิทยาลัยนอร์ทเทิร์น. วารสาร วิชาการสาธารณสุขชุมชน 2564; 7(4): 17-28.
หยาดพิรุณ ศิริ, อธิวัต อาจหาญ, นิรชร ชูติพัฒนะ. ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมป้องกันโรคโควิด 19 ของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้. วารสารควบคุมโรค 2565; 48(3): 493-504.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่7 จังหวัดขอนแก่น

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
ความรับผิดชอบ
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารสำนักงาน ป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น หรือ ของกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ลิขสิทธ์บทความ
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์จะถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักงานป้องกันตวบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น