ปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจและหลอดเลือด ในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ในอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น

ผู้แต่ง

  • วราพร อุตรพรม วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น
  • ลำพึง วอนอก วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น

คำสำคัญ:

โรคหัวใจและหลอดเลือด, การประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด, ผู้ที่มีความเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวางนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความเสี่ยง และปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจและหลอดเลือดในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ในเขตอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น จำนวน 382 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม ได้รับการตรวจสอบความตรงของเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่าน ในส่วนที่ 1 และ 3 ค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคเท่ากับ 0.82 และ 0.85 ส่วนที่ 2 ค่า KR-20 เท่ากับ 0.74 ส่วนที่ 4 ใช้แบบวัดมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาเพื่ออธิบายคุณลักษณะของกลุ่มตัวอย่าง และสถิติเชิงอนุมานเพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วย Multiple logistic regression

ผลการวิจัย พบว่าส่วนใหญ่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 198 คน (ร้อยละ 51.43) และปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ เพศ สถานภาพสมรส น้ำหนัก เส้นรอบเอว โรคประจำตัวและการสูบสูบบุหรี่ โดยเพศหญิง มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็น 3.90 เท่าของเพศชาย (95%CI =2.09 to 7.49, p-value <0.001) สถานภาพสมรสมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็น 2.63 เท่าของสถานภาพโสด/หย่า/หม้าย (95%CI = 1.32 to 5.24, p-value = 0.006) ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 63 กิโลกรัมขึ้นไปมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็น 2.27 เท่าของผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 63 กิโลกรัม (95%CI = 2.33 to 4.35, p-value =0.015) ผู้ที่มีขนาดรอบเอวมากกว่า 85 เซนติเมตรมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้มากกว่าคนที่มีรอบเอวต่ำกว่า 85 เซนติเมตรเป็น 4.92  เท่า (95%CI = 2.54 to 9.64 , p-value <0.001) ผู้ที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็น 5.62 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีโรคประจำตัว (95%CI = 2.43 to 12.97, p-value <0.001) พฤติกรรมเคยสูบบุหรี่ และยังสูบบุหรี่ในปัจจุบัน มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็น 3.47 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ (95%CI = 1.25 to 9.60, p-value =0.017) ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรมีโครงการเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคตามหลัก 3อ.2ส. อย่างต่อเนื่อง

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. Prevention and control of non-communicable diseases [Internet]. 2023 [cited 2023 June 10]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/noncommunicable-diseases

แรกขวัญ สระวาสี. การวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศไทย. วารสาร วิชาการสาธารณสุข 2563; 29(2): 123-35.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น. รายงานสถิติการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในจังหวัดขอนแก่น. ขอนแก่น: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น; 2565.

Hsieh FY, Bloch DA, Larsen MD. A simple method of sample size calculation for linear and logistic regression. Stat Med 1998; 17(14): 1623-34.

Bloom BS. Handbook on formative and summative evaluation of student learning. New York: McGraw-Hill; 1971.

ชนิกานต์ ทรัพย์ภรากรณ์. ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ของประชากรกลุ่มเสี่ยง ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2560.

กรมสุขภาพจิต. แบบประเมินซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย 2Q และ 9Q. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต; 2561.

กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. คู่มือประเมินและจัดการความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสำหรับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.). กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2559. หน้า 1- 5.

Rezaianzadeh A, Moftakhar L, Seif M, Ghoddusi, Johari M, Hosseini SV, et al. Incidence and risk factors of cardiovascular disease among population aged 40–70 years: a population-based cohort study in the South of Iran. Trop Med Health 2023; 51(1): 1-11.

สุนิตรา ทองดี. ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนกับปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดในบุคลากรโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. วารสารโรงพยาบาลแพร่ 2562; 27(1): 38-50.

พิมพ์พิสาข์ จอมศรี, สุนทรี สุรัตน์, วิชยา เห็นแก้ว, มัลลิกา มาตระกูล, อนงค์ สุนทรานนท์. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจกับระดับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและความรอบรู้ทางสุขภาพในผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลทหารบก 2564; 22(3): 387-95.

Phanmung N, Yulertlob A, Latthi S. Cardiovascular risk factors and 10-year CV risk scores in adults aged 30-70 years old in Amnat Charoen Province, Thailand. Asia Pacific J Sci Technol 2018; 23(1): 1-8.

พัชราภา สมหมาย, ดวงฤทธิ์ บุญรอด, ศิริวรรณ ธรรมชาติ. ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักตัวกับความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ใหญ่ไทย. วารสารการวิจัยทางการแพทย์ไทย 2565; 15(2): 145-57.

นฤเบศร์ โกศล, จอม สุวรรณโณ. ปัจจัยทำนายระดับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารวิจัยการพยาบาลไทย 2562; 22(1): 45-56.

สกลรัฐ ห้วยธาร. ปัจจัยทำนายการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา 2563; 5(3): 28-36.

Zhao J, Kelly M, Bain C, Seubsman SA, Sleigh A. Risk factors for cardiovascular disease mortality in a cohort of 86,866 Thai people, 2005-2010. Global J Health Sci 2015; 7(1): 107.

สมเจตน์ เหลาลือเกียรติ, สุทัศน์ ช็อตนาพันธุ์, กนิษฐา จำรูญสวัสดิ์. ความสัมพันธ์ของพฤติกรรมเสี่ยงและโรคหัวใจและหลอดเลือดในประชากรไทย. วารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2566; 12(3): 484-500.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-04-28

รูปแบบการอ้างอิง

1.
อุตรพรม ว, วอนอก ล. ปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับโรคหัวใจและหลอดเลือด ในประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไป ในอำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น. J Offic Dis Prev Control 7 [อินเทอร์เน็ต]. 28 เมษายน 2025 [อ้างถึง 25 ธันวาคม 2025];32(1):12-21. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jdpc7kk/article/view/272796

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย