ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของนักศึกษา : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกและปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของนักศึกษา : กรณีศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นการศึกษาแบบ Cross-sectional Analytical study เก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบสอบถาม ระหว่างเดือนมกราคม ถึง พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

          ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวน  245 คน เป็นเพศชายร้อยละ 84.9 และเพศหญิง  ร้อยละ 15.1 ตอบคำถามความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับโรคเอดส์ตามตัวชี้วัดของ UNGASS ร้อยละ 64.1 และพบว่า กลุ่มตัวอย่างเคยมีประสบการณ์การร่วมเพศแล้ว 198 คน คิดเป็นร้อยละ 80.8 อายุเฉลี่ยในการร่วมเพศครั้งแรก 16.33 ปี (SD= 2.179) ร่วมเพศครั้งแรกโดยไม่สวมถุงยางอนามัย ร้อยละ 49 เคยใช้สารเสพติดก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 20.3 เคยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนมีเพศสัมพันธ์ ร้อยละ 35 การศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบว่า นักศึกษาที่ไม่ได้พักอาศัยอยู่กับครอบครัวมีโอกาสเสี่ยงต่อพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสี่ยงมากกว่านักศึกษาที่อาศัยอยู่กับครอบครัว 2.14 เท่า (OR = 2.14 ;  95%CI 1.21-3.84) นักศึกษาที่เคยใช้สารเสพติดมีโอกาสไม่เสี่ยงต่อพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสี่ยงมากกว่านักศึกษาที่ไม่เคยใช้สารเสพติด 0.61 เท่า (OR =0.39 ;  95%CI 0.22-0.71) นักศึกษาดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนมีเพศสัมพันธ์มีโอกาสเสี่ยงต่อพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสี่ยงมากกว่านักศึกษาไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนมีเพศสัมพันธ์ 2.70 เท่า (OR = 2.70 ;  95%CI 1.48-4.92)

          จากกผลการศึกษา ครอบครัวควรมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้ความเข้าใจและทัศนคติที่ถูกต้องให้นักศึกษา และทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์