การประเมินตำบลจัดการสุขภาพในการเฝ้าระวังป้องกันแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับ และมะเร็งท่อน้ำดี เขตสุขภาพที่ 7

ผู้แต่ง

  • เกษร แถวโนนงิ้ว Office of Disease Prevention and Control region 7 Khon Kaen
  • เชิดพงษ์ มงคลสินธุ์ Office of Disease Prevention and Control region 7 Khon Kaen
  • สุมาลี จันทลักษณ์ Office of Disease Prevention and Control region 7 Khon Kaen

คำสำคัญ:

การประเมินตำบลจัดการสุขภาพ, โรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี

บทคัดย่อ

การศึกษานี้เพื่อประเมินตำบลจัดการสุขภาพในการเฝ้าระวังป้องกันแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี  เขตสุขภาพที่ 7 ใน 4 ด้าน ได้แก่ ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลิตและการสะท้อนกลับ  พื้นที่ศึกษาคือตำบลที่มีความชุกโรคพยาธิใบไม้ตับมากกว่าร้อยละ10 ในปี 2558  คัดเลือกโดยสุ่มแบบง่าย ได้ 29 ตำบลจาก 42 ตำบล กลุ่มตัวอย่าง มี 5  กลุ่ม คือ  1) เจ้าหน้าที่ รพ.สต  29 คน  2)  นายก อบต. 29 คน 3) ครู 87 คน 4) นักเรียน ชาย-หญิง ที่ศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา (ป.4-6) คัดเลือกทุกรายที่ติดตามตรวจอุจจาระ ได้750 คน และ5) ประชาชน 750 คน เก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ และการทบทวนเอกสาร วิเคราะห์ข้อมูลใช้ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน  

        ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้า พบทุกตำบลมีนโยบายชัดเจน   มีการระดมทรัพยากรในพื้นที่ให้เอื้อต่อการดำเนินงานมีการสำรวจและจัดทำฐานข้อมูลประชาชนผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปครบทุกแห่ง    มีศูนย์เรียนรู้ในชุมชนร้อยละ 62.1  ด้านกระบวนการ พบตำบลมีแผนสุขภาพตำบลร้อยละ 72.4 มีการจัดรณรงค์กินปลาสุกร้อยละ 100  การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการลดปัจจัยเสี่ยงร้อยละ 86.2 โรงเรียนมีการจัดการเรียนการสอนร้อยละ 89.7  มีการเยี่ยมบ้านและดูแลผู้ป่วยร้อยละ 93.1 ด้าน ผลผลิต มี 4 ด้าน คือ 1) นวัตกรรมที่เกิดขึ้น พบตำบลมีการเฝ้าระวังความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดีทุก 6 เดือน ร้อยละ96.6 2) ประชาชน พบว่าประชาชนในทุกตำบลมีความชุกพยาธิใบไม้ตับลดลงร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปี2557 (ปี 2557 ค่าเฉลี่ยร้อยละ16.9 ส่วนปี 2560 ค่าเฉลี่ยร้อยละ9.8) มีการ  คัดกรองพยาธิใบไม้ตับในประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป มีการคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีและส่งต่อไปสู่การรักษา ตลอดจนผู้ป่วยทุกรายได้รับการดูแลประคับประคองครอบคลุมทุกตำบล    3) การกำจัดสิ่งปฏิกูล พบว่าองค์การบริหารส่วนตำบลยังไม่มีระบบการกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ถูกต้องในพื้นที่เป้าหมาย  4)  นักเรียน พบ อัตราการติดพยาธิใบไม้ตับร้อยละ 0.8 และมีค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้ การรับรู้  การปฏิบัติตนในการป้องกันควบคุมโรคร้อยละ 43.7, 20.2, 16.2 ตามลำดับ   ส่วนการสะท้อนข้อมูลกลับ พบมีการคืนข้อมูลให้พื้นที่ และนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนปรับปรุงงานต่อไปร้อยละ 82.8, 69.0  ดังนั้นการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า บุคลากรที่รับผิดชอบงานตำบลจัดการสุขภาพฯ ควรหาแนวทางกำจัดสิ่งปฏิกูลที่เหมาะสมกับปัญหาในแต่ละพื้นที่และมีการติดตามควบคุมกำกับอย่างต่อเนื่อง การทบทวนการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียนเพื่อให้นักเรียนมีความรู้ ทัศนคติที่ถูกต้อง ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ถูกต้อง รวมถึงการให้ความรู้และกระตุ้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

References

1. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์กระทรวงสาธารณสุข.สถิติสาธารณสุข ปี 2558. [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ26ก.ย.2559]เข้าถึงได้จาก http://bps.moph.go.th/new_bps/sites/default/fles/health_statistic2558.pdf
2. ลีลาวดี พิริยะตระกูล, ธีระ ฤทธิรอด, เอื้อมแข สุขประเสริฐ, ธราธิป ศรีสุข, ศิริ เชื้ออินทร์, อรุณีมีศรี. การวิเคราะห์ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลจากการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดี ปีงบประมาณ 2556โรงพยาบาลศรีนครินทร์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 26 กันยายน 2559] เข้าถึงได้จาก https://gsbooks.gs.kku.ac.th/59/ingrc2016/pdf/
HMP2.pdf
3. SripaB,PairojkulC.Cholangiocarcinoma: lessons from Thailand. Curr Opin Gastroenterol 2008;24: 349- 56.
4. กระทรวงสาธารณสุข. แผนยุทธศาสตร์ทศวรรษกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ปี2559–2568. กรุงเทพมหานคร:โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์;2559.
5. Rangsin R, Mungthin M, Taamasri P, Mongklon S, Aimpun P, Naaglor T, et al. Incidence and risk factorofOpisthorchis viverriniinfectionsinaruralcommunity in Thailand. Am J Trop Med Hyg 2009; 8 (1): 152-5.
6. SithithawornP,Haswell–ElkinsM.Epidemiology ofOpisthorchis viverrini.ActaTropica2003;88:187-94.
7. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.ขอนแก่น.หนังสืออ้างอิงเพื่อการเรียนการสอนเรื่องการป้องกันและควบคุมโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี.
ขอนแก่น: โรงพิมพ์คลังนานาธรรม; 2558.
8. ฐิติมา วงศาโรจน์, ดวงเดือน ไกรลาศ, พงศ์ราม รามสูต, วิชิต โรจน์กิตติคุณ, วรยุทธ นาคอ้าย,นันทวัน แก้วพูลศรี. รายงานผลการศึกษาสถานการณ์
โรคหนอนพยาธิและโปรโตซัวของประเทศไทยพ.ศ.2552; 2552.
9. Thaewnongiew K, Singthong S, Kutchamart S,Tangsawad S, Promthet S, Sailugkum S, et al.Prevalence and risk factors for Opisthorchis viverrini infections in upper northeast Thailand.AsianPacJCancerPrev2014;15(16):6609-12.
10. เกษรแถวโนนงิ้ว,ไพบูลย์สิทธิถาวร,ศศิธรตั้งสวัสดิ์,เสรีสิงห์ทอง,นิตยาชุดไธสง,วราลักษณ์ตังคณะกุล.อุบัติการณ์และการติดเชื้อซ้ำโรคพยาธิใบไม้ตับใน
ชุมชนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนประเทศไทย. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2559;25(3): 370-9.
11. Anbari, Frank T. A systems approach to project evaluation. PMJ 1985; 16(3): 21–6.
12. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. สถานการณ์อนามัยสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยปี2557.พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ. สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี(ไทย-ญี่ปุ่น); 2559.
13. ฐาปนะวิชัย.สถานการณ์การออกข้อกำหนดท้องถิ่นเขตสุขภาพที่9.[อินเทอร์เน็ต].[เข้าถึงเมื่อ25เม.ย.2559] เข้าถึงได้จาก http://hpc9.anamai.moph.go.th/ewt_dl_link.php?nid=369
14. เกษรแถว โนนงิ้ว,ศศิธร ตั้งสวัสดิ์,พงษ์ศักดิ์ ภูกาบขาว.การประเมินผลหลักสูตรโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่4-6. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ2559; 35(1): 158-67.
15. SuwannahitatornP,Klomjit S,NaaglorT,Taanasri P, RangsinR,LeelayooyaS,etal. Afollow-upstudy of Opisthorchis viverrini infection after the
implementation of control program in a ruralcommunity, central Thailand. Parasites andVectors;2013.[อินเตอร์เนต].[เข้าถึงเมื่อ26ก.ย.2559] เข้าถึงได้จาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles
16. Tomokawa S, Kobayashi T, Pongvongsa T,Nisaygnang B, Kaneda E, Honda S, et al. Riskfactors for Opisthorchis viverriniinิfection among
schoolchildren in Lao PDR. Southeast AsianJTrop Med Public Health 2012; 43(4): 574-85.
17. Pinlaor S,PrakobwongS,HirakuY,KaewsamutB, DechakhamphuS, BoonmarsT,et al. Oxidative and nitrative stress in Opisthorchis viverrini
infected hamsters: an indirect effect after praziquantel treatment. AmJTropMedHyg 2008;78 (4): 564-73.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2019-01-17