ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะล้มเหลวทางไวรัสและรูปแบบ การกลายพันธุ์ของเชื้อเอชไอวีที่ดื้อยาในเด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐาน (NNRTI)-based ART ที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์

ผู้แต่ง

  • สกุลรัตน์ ศรีโรจน์ Department of Pediatrics, Kalasin Hospital

คำสำคัญ:

ภาวะล้มเหลวทางไวรัส, ยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐาน (NNRTI-based ART), การกลายพันธุ์ของเชื้อเอชไอวีที่ดื้อยา, Adherence

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์  :   ศึกษาอัตราการเกิดและปัจจัยที่มีผลต่อภาวะล้มเหลวทางไวรัส (Virological failure: VF) ในผู้ป่วยเด็กติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ที่ได้รับยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐาน (NNRTI-based ART) ในโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และศึกษารายละเอียดของการกลายพันธุ์ของเชื้อเอชไอวีที่ดื้อยา

วัสดุและวิธีการศึกษา :    ศึกษาข้อมูลย้อนหลังจากเวชระเบียนผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์    ตั้งแต่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2545   ถึง  30 กันยายน พ.ศ. 2555  กลุ่มประชากรศึกษาคือผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ อายุ 1-15 ปี ที่ได้รับยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานและต้องไม่เคยได้รับยาต้านไวรัสใดๆ มาก่อน ยกเว้นได้รับยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ภาวะล้มเหลวทางไวรัสคือตรวจพบจำนวน HIV-RNA ใน พลาสม่ามากกว่า 1000 copies/mL   หลังจากได้รับยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป

ผลการศึกษา : ผู้ป่วยเด็กติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ที่ได้รับยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานมีจำนวน 86 คน กลุ่มที่มีภาวะล้มเหลวทางไวรัส (VF)  มีจำนวน 18 คน (20.93%) ปัจจัยที่มีผลต่อภาวะล้มเหลวทางไวรัสอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ adherence ที่ไม่ดี (< 95%) เกิด VF ถึง 21.50 เท่า เทียบกับ adherence ดี (95% CI : 6.33-72.98) และอัตราการเกิด VF เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาของการได้รับยาต้านไวรัส จากในปีที่ 1 เท่ากับ 4.69% เป็น 14.48%, 21.27% และ 28.86% ในปีที่ 3  ปีที่ 5 และปีที่ 8  ตามลำดับ อัตราการกลายพันธุ์ของเชื้อเอชไอวีที่ดื้อยา ในกลุ่ม NRTIs  และ NNRTIs พบ 88.89% และ 100% ตามลำดับ  โดย  mutations   ที่พบบ่อยในกลุ่ม NRTIs  คือ 184V (94.44%), D69N (50.00%), TAMs ≥ 4 (5.55%) และ กลุ่ม NNRTIs คือ Y181 C/I (27.78%) , G190S/A (50.00%) และ K 103N (16.67%)

สรุป : อัตราการเกิด VF ในผู้ป่วยเด็กติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ที่ได้รับยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูง ปัจจัยที่มีผลต่อ VF คือ Adherence ที่ไม่ดี  ผู้ป่วยส่วนใหญ่ดื้อต่อยากลุ่ม 3TC และ NNRTIs    แพทย์และทีมผู้รักษาจำเป็นต้องดูแลการกินยาต้านไวรัสอย่างใกล้ชิด  และการตรวจ plasma HIV–RNA

ในปีแรกหลังได้รับยาต้านไวรัส มีประโยชน์เป็นอย่างมากในการวินิจฉัยภาวะ VF  เพื่อให้การเปลี่ยนสูตรยาเป็น second-line regimen ได้เร็วขึ้น

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2019-01-13