การพัฒนารูปแบบการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง (HPV Self -sampling) ของอำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบ, การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง, สตรีกลุ่มเสี่ยงบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง (HPV Self Sampling) ของสตรีกลุ่มเสี่ยงในอำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบ่งเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพการณ์ บริบท และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการตรวจมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง ตามกรอบแนวคิดกระบวนการดำเนินงานการวิจัยเชิงปฏิบัติการตามแนวคิดของ Kemmis & McTaggart และระยะที่ 3 การประเมินผลลัพธ์ของรูปแบบ โดยใช้กระบวนการเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม กลุ่มตัวอย่างของการศึกษาประกอบด้วย 1) ผู้รับผิดชอบผู้ให้การพยาบาล 25 คน และผู้รับผิดชอบงานมะเร็งปากมดลูก 1 คน 2) สตรีอายุ 30-60 ปี จำนวน 1,100 คน และ 3) ภาคประชาสังคม 40 คน ระยะเวลาในการดำเนินการศึกษาระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2566 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) ชุดตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลโปรแกรม ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจของสตรีกลุ่มเป้าหมาย มีค่าความเที่ยงสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค เท่ากับ 0.88 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยสถิติพรรณนา ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย: ระยะที่ 1 สาเหตุที่ทำให้ไม่มาตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมากที่สุดคือ รู้สึกอาย รองลงมา คือ สถานที่ตรวจห่างไกล ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเอง ของสตรีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นตอนการวางแผนนำเสนอทางเลือกใหม่ รับนโยบายประชุมจัดทำสื่อวิดีโอการสอน กำหนดสตรีกลุ่มเป้าหมาย 2) ขั้นตอนปฏิบัติการ ลงพื้นที่เชิงรุกแบบเคาะประตูบ้าน ให้ความรู้ โน้มน้าวใจในการตรวจร่วมกับเครือข่ายสนับสนุนทางสังคม และประเมินรูปแบบ 3) ขั้นสังเกตการณ์ ใช้กระบวนการสังเกตการณ์แบบมีส่วนร่วม ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ และ 4) ขั้นตอนการสะท้อนผลการปฏิบัติ โดยการประชุมถอดบทเรียน สตรีกลุ่มเป้าหมายเลือกการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจมากกว่าแบบขึ้นขาหยั่ง ส่วนระยที่ 3 ประเมินผลโปรแกรมฯ พบว่า ระดับความพึงพอใจต่อการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเองอยู่ในระดับมาก (Mean=4.39, S.D.= 0.65)
เอกสารอ้างอิง
Arbyn M, Weiderpass E, Bruni L, de Sanjosé S, Saraiya M, Ferlay J, Bray F. Estimates of incidence and mortality of cervical cancer in 2018: a worldwide analysis. Lancet Glob Health 2020;8:e191-e203. doi: 10.1016/S2214-109X(19)30482-6.
อารยา ประเสริฐชัย, มยุรินทร์ เหล่ารุจิสวัสดิ์. แนวโน้มอัตราการตายด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ.2554-2564. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ 2566;16:203-17.
จรัสศรี อินทรสมหวัง, กาญจนา ศรีสวัสดิ์. สมรรถนะของพยาบาลในการดูแลสตรีมะเร็งปากมดลูก. วารสารเกษมบัณฑิต 2562;20:146-54.
ชลัยธร นันทสุภา, จตุพล ศรีสมบูรณ์. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสำหรับสตรีไทย [อินเตอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 23 พ.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/lessons/cervical-cancer-screening-for-thais/
พรรณี ปิ่นนาค. เหตุผลและปัจจัยของการไม่ไปรับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก: กรณีศึกษาสตรีอายุ 30-60 ปีในตำบลนาโพธิ์ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางสุขภาพ. 2563;3:118-31.
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. แนวทางการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA test [อินเตอร์เน็ต]. 2564. [เข้าถึงเมื่อ 21 พ.ย. 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www3.dmsc.moph.go.th/assets/post/Qm9va19IUFZfRE5BX3Rlc3Q=.pdf
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช. ผลการดำเนินงานตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในเครือข่ายบริการของจังหวัดนครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช:สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช; 2566.
Kemmis S, McTaggart R. The Action Research Planner. Deakin University; 1988.
โรงพยาบาลกรุงเทพ จันทบุรี. แบบประเมินความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก [อินเตอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 14 ส.ค. 2565]. เข้าถึงได้จาก: https://bangkokhospitalchanthaburi.com/health-assessment-form/cervical-cancer
ปิยปราชญ์ รุ่งเรือง, รุจิรา ดวงสงค์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีอายุ 30–60 ปีในตำบลหนึ่งของอำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร 2561;21:48-55.
Laowjan P, Maichonklang K, Permpool P, Talungchit P, Jareemit N. Factors associated with cervical cancer screening overuse and underuse, and attitude towards human papillomavirus self-sampling among hospital staff. Siriraj Med J 2023;75:200-7. doi: 10.33192/smj.v75i3.260868.
ณัฐธยาน์ ภิรมย์สิทธิ์, จารีศรี กุลศิริปัญโญ, พัชรี ตันศิริ, กิตติศักดิ์ หลวงพันเทา. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเข้ารับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีจังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล 2562;35:95-107.
ร่างทอง พันธ์ชัย. ความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่อการให้บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เขตอำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร. วารสารบัณฑิตศึกษา 2557;52:149-55.
สุภาพร บวรจักรวาล. การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันความพึงพอใจในการรับบริการแผนกผู้ป่วยนอกโรคมะเร็ง [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2562.
ชุลีรัตน์ สาระรัตน์, ศรัญญา ต.เทียนประเสริฐ. การพัฒนาโปรแกรมการให้ความรู้การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยการตรวจค้นหาไวรัส HPV ด้วยวิธีการเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเองของสตรีกลุ่มเสี่ยงในโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 2567;18:351-65.
Aarnio R, Isacson I, Sanner K, Gustavsson I, Gyllensten U, Olovsson M. Comparison of vaginal self-sampling and cervical sampling by medical professionals for the detection of HPV and CIN2+: A randomized study. Int J Cancer 2021;148:3051-9. doi: 10.1002/ijc.33482.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ และคณาจารย์ท่านอื่นๆ ในวิทยาลัยพยาบาลฯ ความรับผิดชอบเกี่ยวกับบทความแต่ละเรื่องผู้เขียนจะรับผิดชอบของตนเอง
