ผลของโปรแกรมเตรียมความพร้อมการฝึกภาคปฏิบัติวิชาการพยาบาลมารดาระยะตั้งครรภ์ โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19
คำสำคัญ:
โปรแกรมเตรียมความพร้อม, สื่ออิเล็กทรอนิกส์, การพยาบาลมารดาระยะตั้งครรภ์บทคัดย่อ
การออกแบบโปรแกรมการเตรียมความพร้อมสำหรับนักศึกษาพยาบาลก่อนฝึกปฏิบัติการพยาบาลมารดาระยะตั้งครรภ์โดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ อาจช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 การศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการใช้สื่อบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ ต่อความรู้ และความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาล รูปแบบการวิจัยเป็นแบบกึ่งทดลอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลและสุขภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่ลงทะเบียนเรียนวิชา การพยาบาลมารดา ทารก และการผดุงครรภ์ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 113 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วยสื่อบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์เรื่อง การพยาบาลมารดาระยะตั้งครรภ์ มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) อยู่ระหว่าง 0.8-1.0 แบบทดสอบวัดความรู้เรื่อง การพยาบาลมารดาระยะตั้งครรภ์ และแบบประเมินความพึงพอใจต่อสื่อบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบมีค่า .84 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติอ้างอิงโดยใช้ paired t-test ผลการวิจัยพบว่า คะแนนความรู้การพยาบาลมารดาระยะตั้งครรภ์ของนักศึกษาสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และนักศึกษามีความพึงพอใจต่อสื่อบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์เรื่องการพยาบาลมารดาระยะตั้งครรภ์ ระดับมากทุกด้าน ผลการศึกษาแสดงว่า โปรแกรมเตรียมความพร้อมโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สามารถใช้เตรียมความพร้อมนักศึกษาพยาบาลก่อนขึ้นฝึกภาคปฏิบัติได้
เอกสารอ้างอิง
กัญญ์ชิสา สุนทรมาลัย. (2560). ปัจจัยทำนายและแนวทางลดความเครียดในการฝึกภาคปฏิบัติวิชาการพยาบาลมารดา-ทารกและการผดุงครรภ์1ของนักศึกษาพยาบาลตำรวจ วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ. วารสารพยาบาลตำรวจ, 9(2), 128-138.
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, (2564). รายละเอียดตัวชี้วัด กระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ 2564 .
ธัญลักษณ์ วจนวิศิษฐ์.(2557).การพัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิ่งรายวิชาเทคโนโลย คณะพยาบาลศาสตร์ เกื้อการุณย์ วารสารเกื้อการุณย์ , 21(1) , 100-13.
ธารีวรรณ ไชยบุญเรือง และ สุสัณหา ยิ้มแย้ม. (2556). สมรรถนะในการดูแลสตรีตั้งครรภ์ของนักศึกษาพยาบาลหลักสูตรนานาชาติ. วารสารสภาการพยาบาล , 28(3) , 55-67.
ปานทิพย์ ผ่องอักษร , รตา ศรีสะอาด และสิรินาถ วงศ์ภมรมนตรี. (2561). ผลของการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เสริมการเรียนรู้เรื่องการดูดเสมหะ ต่อผลสัมฤทธิ์การเรียน ความมั่นใจและความพึง พอใจของนักศึกษา. วารสารพยาบาลทหารบก, 19(1) ,136-145.
พูลทรัพย์ ลาภเจียม. (2562). ผลของการเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นฝึกปฏิบัติงานต่อความรู้และทักษะการปฏิบัติการพยาบาลมารดา ทารกและผดุงครรภ์ ของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่ .ราชาวดีสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์, 9 (2), 42-54.
มาลีวัล เลิศสาครศิริ และแก้วตะวัน ศิริลักขณานันท์. (2559).ประสิทธิผลชุดการเรียนรายวิชาการผดุงครรภ์ 1. วารสารพยาบาลทหารบก, 17(1) , 26-35.
ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง มาตรฐานการผดุงครรภ์. (2562, 18 เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม136 ตอนพิเศษ 97 หน้า 37 . สืบค้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2564 , จาก https://www.tnmc.or.th/images/userfiles/files/A222.PDF
เปรมฤดี ศรีวิชัย. (2564). การศึกษาพยาบาลกับคนต่างรุ่นยุคศตวรรษที่ 21.วารสารวิจัยการพยาบาลและสุขภาพ, 22(2), 150-159.
วรรณดี เนียมสกุล และภิญญารัช บรรเจิดพงศ์ชัย.(2559). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนบนคลินิกฝากครรภ์ โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบ VARK ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลมารดาทารกและการผดุงครรภ์ 1. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์, 8(2), 20-36.
วริศา วรวงศ์, พูลทรัพย์ ลาภเจียม และวราภรณ์ บุญยงค์. (2562). การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้เรียนรายวิชาการพยาบาลมารดาทารกและผดุงครรภ์1.วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยสาขาภาคเหนือ , 25(2) , 13-25.
ศศิกานต์ กาละ และวรางคณา ชัชเวช. (2559) . ผลของโปรแกรมเตรียมความพร้อมด้านการผดุงครรภ์ด้วยสื่อ อิเล็กทรอนิกส์ต่อทักษะการตัดสินใจทางคลินิกและความสำเร็จ ในการสอบประมวลความรอบรู้ของนักศึกษาพยาบาล. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 36(3) , 182-196.
สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย . (2563). แนวทางการดำเนินงาน ระบบเฝ้าระวังมารดาตาย สำหรับประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่1 กรุงเทพ : สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก หน้า 8 .
อนิรุทธ์ สติมั่น และฐาปนีย์ ธรรมเมธา. (2555). การพัฒนาชุดบทเรียนออนไลน์ เรื่อง วิธีการเรียนการสอน อีเลิร์นนิ่ง สำหรับผู้สอนในสถาบันการศึกษา . วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, 10(1), 91-105
อมรรัตน์ สว่างเกตุ , รัศมี ศรีนนท์ , วิริยาภรณ์ สุวัฒนสวัสดิ์ และปณัชญา เชื้อวงษ์. (2563). ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21ตามการรับรู้ของนักศึกษาพยาบาล วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ราชบุรี. วารสารพยาบาล, 69 (4), 31-39.
Bahramnezhad, F., Asgari, P., Ghiyasvandian, S., Shiri, M., & Bahramnezhad, F. (2016). The learners' satisfaction of E-learning: a review article. American Journal of Educational Research, 4(4), 347-352.
Harerimana, A., Mtshali, N. G., Hewing, H., Maniriho, F., Borauzima Kyamusoke, E., Mukankaka, A., Rukundo, E., Gasurira, S., Mukamana, D., Mugarura, J. (2016). E-Learning in nursing education in Rwanda: benefits and challenges. an exploration of participants' perceptives. IOSR Journal of Nursing and Health Science (IOSR-JNHS), 5(2). 64-92.
Kala, S., Isaramalai, S., & Pohthong, A. (2010). Electronic learning and constructivism: a model for nursing education. Nurse Education Today, 30(1), 60–6.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสารวิจัยการพยาบาลและสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.