ความรู้และพฤติกรรมของประชาชนเรื่องการป้องกันตนเอง จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019

ผู้แต่ง

  • ธานี กล่อมใจ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พะเยา
  • จรรยา แก้วใจบุญ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พะเยา
  • ทักษิกา ชัชชวรัตน์ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี พะเยา

คำสำคัญ:

การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, ความรู้, พฤติกรรมการป้องกันตนเอง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้และพฤติกรรมของประชาชนในเรื่องการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID 19) และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความรู้และพฤติกรรมของประชาชนในเรื่องการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019  จากประชาชนในเขต ตำบลบ้านสาง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา กลุ่มตัวอย่างจำนวน 150 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย มีอายุระหว่าง 20-60 ปี เก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนเมษายน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น ผ่านการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน ตรวจสอบความเตรงของเนื้อหา ได้ค่า IOC เท่ากับ 0.67-1 และนำไปทดลองใช้ วิเคราะห์ค่าความเที่ยง ∝-Coefficient ของ Cronbach เท่ากับ 0.89 และ 0.91 ตามลำดับ  วิเคราะห์ข้อมูลโดยแจกแจงความถี่ ร้อยละ  ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สหสัมพันธ์เพียร์สัน (Pearson Product Moment Correlation)  ผลการศึกษา พบว่า  กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และพบว่าประเด็นที่กลุ่มตัวอย่างตอบไม่ถูกต้อง มากที่สุด ได้แก่  โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) เป็นการติดเชื้อไวรัสตระกูลเดียวกับ ซาร์ส (SARs)  และเมอร์ส (MERS) จึงทำให้มีความรุนแรงมาก  ( ร้อยละ 20)  เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) มีระยะฟักตัว 3 - 14 วัน (ร้อยละ 13.33)   โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) สามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ และสามารถแพร่เชื้อได้ทันทีแม้ไม่มีอาการ  (ร้อยละ 13.33)ด้านพฤติกรรมการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  พบว่า ภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( gif.latex?\bar{x}=1.61, SD = 0.28)   เมื่อพิจารณาในรายข้อ พบว่า ข้อที่มีคะแนนน้อย คือ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ความเข้มข้นอย่างน้อย 70%  เมื่อต้องออกไปที่สาธารณะ ( gif.latex?\bar{x}= 1.03, SD = 0.67)  ล้างมือทำความสะอาดด้วยสบู่ทุกครั้งหลังสัมผัสเงินเหรียญหรือธนบัตร ( gif.latex?\bar{x}= 1.23, SD = 0.68) ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง ความรู้กับพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019  พบว่ามีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับปานกลาง (r = .327) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value = .000)  จากการศึกษา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความรู้ และมีพฤติกรรมการป้องกันโรค ในระดับมาก แต่ยังพบรายข้อที่มีค่าคะแนนน้อย ซึ่งอาจส่งผลให้มีการแพร่กระจายของโรคได้ จึงควรมีการสร้างความตระหนักแก่ประชาชนในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค

เอกสารอ้างอิง

กชกร สมมัง. (2557). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ของผู้รับบริการงานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช. วารสารสุขศึกษา, 37(126), 8-21.

ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค. (2563). ข้อมูลสำหรับการป้องกันตนเองจากโรค COVID-19 . เอกสารเผยแพร่สำหรับประชาชน . กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2563. จาก cdc.moph.go.th/viralpneumonia/file/int-pretection 03.pdf. วันที่ 28 มกราคม 2563.

ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค. (2563). “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 coronavirus Disease 2019(COVID-19)”. เอกสารประกอบการประชุมทางไกล Vedeo conference ความรู้เรื่องโรคติดเชื้อโคโรนา 2019. กระทรวงสาธารณสุข.

กู้เกียรติ ก้อนแก้ว, ฐิติวรดา สังเกตุ, และศยามล ภูพิศ (2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคไวรัสซิกาในหญิงตั้งครรภ์ อำเภอไทรงาม จังหวัดกำแพงเพชร. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 28 (2),255-262.

จารุวรรณ แหลมไธสง. (2559).ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมป้องกันโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจของผู้ดูแลเด็กปฐมวัยในศูนย์เด็กเล็ก กรุงเทพมหานคร.วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.

ฉันทพิชญา โพธิสาจันทร์, นาตยา เกรียงชัยพฤกษ์, และบุญตา เจนสุขอุดม. (2551). พฤติกรรมการป้องกันโรคไข้หวัดนกของเครือข่ายแกนนำสุขภาพ. ประมวลผลงานวิชาการสุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพ. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 76-91.

ประทานพร อารีราชการัณย์, กรพินท์ มหาทุมะรัตน์, ณัชชา มหาทุมะรัตน์, กีรติกา วงษ์ทิม และ ชนิศา หวงวงษ์ . (2561). การสำรวจความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติเกี่ยวกับสุขอนามัยมือของทันตแพทย์ไทย. J DENT ASSOC THAI, 68(3), 218-229

วรรษมน จันทรเบ็ญจกุล. (2563). การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). เอกสารประกอบการบรรยายเวทีจุฬาเสวนาครั้งที่ 23 เรื่อง ตระหนักดีกว่าตระหนก เรียนรู้และป้องกันโคโรนาไวรัส 2019. ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019.(2563). รายงานข่าวกรณีติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วันที่ 15 มีนาคม 2563. กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นเมื่อ 15 มีนาคม 2563 จาก https//www.moph.go.th.

ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019.(2563.) รายงานข่าวกรณีติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วันที่ 1 เมษายน 2563. กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นเมื่อ 1 เมษายน 2563 จากWWW.Prachachat.Net.online.

สัญญา สุปัญญาบุตร. (2554). ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติ ตนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิด A (2009 H1N1) ของประชาชน อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 ขอนแก่น, 18 (2),1-10.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพะเยา. (2563). รายงานการติดเชื้อโคโรน่า 2019. HDC –Dashboard .สืบค้นเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2563, จาก https://pyo.hdc.moph.go.th/hdc/main/index.php.

Zhu, N., Zhang, D., Wang, W., Li, X., Yang, B., Song, J.,...Tan, W. (2020). “A Novel Coronavirus from Patients with Pneumonia in China, 2019.” The New England Jouenal of Medicine. Retrieved January 24,2020. From https://www.nejm.org/doi/full/10.1056/NEJMoa2001017

World Health Organization. (2020). Pneumonia of unknown cause – China’, Emergencies preparedness, response, Disease outbreak news, Retrieved February 20, 2020, from https://www.who.int/csr/don/05-january-2020-pneumonia-of-unkown-cause-china/en/

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

19.08.2020

รูปแบบการอ้างอิง

กล่อมใจ ธ., แก้วใจบุญ จ., & ชัชชวรัตน์ ท. (2020). ความรู้และพฤติกรรมของประชาชนเรื่องการป้องกันตนเอง จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019. วารสารวิจัยการพยาบาลและสุขภาพ, 21(2), 29–39. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnpy/article/view/243309

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย(Research Articles)