ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพและดัชนีมวลกายในกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน
คำสำคัญ:
กลุ่มเสี่ยงเบาหวาน, การสนับสนุนการจัดการตนเอง, ดัชนีมวลกาย, พฤติกรรมสุขภาพ, Pre-diabetes, Self-management Support, Body Mass Index, Health behaviorบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
การวิจัยแบบกึ่งทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพและดัชนีมวลกายในกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน กลุ่มตัวอย่างคือกลุ่มเสี่ยงเบาหวานที่ได้รับการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกะบกเตี้ย จำนวน 48 ราย ที่ได้จากการจับคู่แล้วจับฉลากแบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 24 ราย และกลุ่มควบคุม 24 ราย กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองตามแนวคิดของแคนเฟอร์ (Kanfer & Gaelick, 1988) ประกอบด้วย องค์ประกอบที่ 1 การสร้างแรงจูงใจ และการสนับสนุนการจัดการตนเอง องค์ประกอบที่ 2 การจัดการตนเองของกลุ่มเสี่ยงเบาหวาน ประกอบด้วย การติดตามตนเอง การประเมินตนเอง และการเสริมแรงตนเอง และองค์ประกอบที่ 3 การติดตามและสนับสนุนการจัดการตนเอง โปรแกรมใช้ระยะเวลา 8 สัปดาห์ กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย แบบสอบถามพฤติกรรมสุขภาพซึ่งมีค่าความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 1.00 และค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาคเท่ากับ 0.83 เครื่องชั่งน้ำหนัก และเครื่องวัดส่วนสูง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสถิติ Paired t-test และ Independent t-test ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมสุขภาพดีกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และมีค่าดัชนีมวลกายหลังการทดลองลดลงจากก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมพบว่า กลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมสุขภาพดีกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และกลุ่มทดลองมีค่าเฉลี่ยดัชนีมวลกายต่ำกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า โปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและลดดัชนีมวลกายของกลุ่มเสี่ยงเบาหวานได้ พยาบาลวิชาชีพจึงสามารถนำไปใช้ในการสนับสนุนการจัดการตนเองในกลุ่มเสี่ยงเบาหวานได้
เอกสารอ้างอิง
จุฑามาส จันทร์ฉาย มณีรัตน์ ธีระวิวัฒน์ และนิรัตน์ อิมามี . (2555). โปรแกรมการเรียนรู้เรื่องเบาหวานและการจัดการตนเองของผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา.7 (2), 70-83.
ณิชกานต์ ทรงไทย. (2557). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองโดยเพื่อนต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและค่าความดันโลหิตของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิต ชนิดไม่ทราบสาเหตุ(ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต). ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ทัศนีย์ ขันทอง แสงอรุณ อิสระมาลัย และพัชรี คมจักรพันธุ์. (2556). ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองและระดับนํ้าตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้อินซูลิน.วารสารสภาการพยาบาล, 28(1), 85-99.
เนติมา คูนีย์. (2557). การทบทวนวรรณกรรมสถานการณ์ปัจจุบันและรูปแบบการบริการด้านโรค
ไม่ติดต่อ.นนทบุรี: บริษัท อาร์ต ควอลิไฟท์ จำกัด.
น้ำอ้อย ภักดีวงศ์ และรัชนีกร ปล้องประภา. (2555). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพ น้ำหนัก ดัชนีมวลกาย และเส้นรอบเอวของกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 30(2), 40-47.
บุญชม ศรีสะอาด.(2554). การวิจัยเบื้องต้นฉบับปรับปรุงใหม่. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น จำกัด.
บุญใจ ศรีสถิตนรากูร.(2555). ระเบียบวิธีวิจัยทางการพยาบาล (พิมพ์ครั้งที่ 6). กรุงเทพฯ :ยูแอนด์ไอ อินเตอร์มีเดีย.
รัตน์ศิริ ทาโต. (2551). การวิจัยทางพยาบาลศาสตร์ แนวคิดสู่การประยุกต์ใช้.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ร่มเกล้า กิจเจริญไชย.(2556).ประสิทธิผลของโปรแกรมการจัดการตนเองเรื่องการบริโภคอาหารในผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2ต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ค่าน้ำตาลสะสม และดัชนีมวลกาย.วิทยานิพนธ์ พย.ม.มหาวิทยาลัยบูรพา, ชลบุรี.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯและคณะ. (2557). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวานพ.ศ.
2557. กรุงเทพฯ: หจก. อรุณการพิมพ์.
สุพัตรา ศรีวณิชชากร. (2553). การจัดการระบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังกรณีเบาหวาน และ
ความดันโลหิตสูง. กรุงเทพฯ: สหมิตรพริ้นติ้งแอนด์พับลิสซิ่ง.
สำนักโรคไม่ติดต่อ. (2557). ข้อมูลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. สืบค้น เมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2559 จาก
https://www.thaincd.com/information-statistic/non-communicable-disease-data.php
American Diabetes Association. (2015). Standards of medical care in diabetes 2015.
Diabetes care, 35(1), 11-63.
Faul, F., Erdfelder, E., Lang, A.-G., & Buchner, A. (2007). G*Power 3: A flexible statistical
power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences.
Behavior Research Methods, 39(1), 175-191.
International Diabetes Federation. (2014). Global estimates of diabetes prevalence for
2013 and projections for 2035. diabetes research and clinical practice,
103(2014), 137–149.
Kanfer,F.H. & Gaelick, L, (1988) .Self-management methods.In Kanfer,F.H.and Goldstein A.P.(Eds.) Helping people Change (283-238). New York : Pergamon Press.
Kawi, J. (2012). Self-management support in chronic illness care: A concept analysis.
Research and theory for nursing practice: An International journal, 26(2), 108-125.