การศึกษาระบาดวิทยาและผลการรักษาภาวะเยื่อบุช่องท้องติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้องของผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายที่ล้างไตทางช่องท้องแบบต่อเนื่องในโรงพยาบาลสระบุรี
คำสำคัญ:
ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายที่ล้างไตทางช่องท้องแบบต่อเนื่อง, ภาวะเยื่อบุช่องท้องติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้อง, ระบาดวิทยา, ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้องบทคัดย่อ
บทนำ: ภาวะเยื่อบุช่องท้องติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้องเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ได้รับการรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้อง การศึกษานี้วิเคราะห์ระบาดวิทยาและผลการรักษาภาวะเยื่อบุช่องท้องติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้อง รวมถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ต้องนำสายล้างไตออก
วิธีการศึกษา: ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้ายที่มีภาวะเยื่อบุช่องท้องติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้อง ทั้งหมด 582 เหตุการณ์ ที่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่โรงพยาบาลสระบุรี ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2554 ถึง 31 ธันวาคม 2563 ข้อมูลของผู้ป่วยถูกคัดลอกมาจากเวชระเบียนอิเลกโทรนิกส์ ข้อมูลทั้งหมดถูกศึกษาแบบย้อนหลังโดยใช้วิธี Cox proportional hazard
ผลการศึกษา: ผู้ป่วยที่มีภาวะเยื่อบุช่องท้องติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้อง มีอายุเฉลี่ย 56 ปี ระยะเวลาการล้างไตทางช่องท้องตั้งแต่วันแรกจนติดเชื้อเฉลี่ย 588 วัน เป็นผู้ป่วยเบาหวาน 312 คน (58.6%) อาการทางคลินิกเด่นที่สุดคือ น้ำขุ่น (64.7%) ผลการตรวจเพาะเชื้อพบว่าส่วนใหญ่คือ เชื้อแบคทีเรียแกรมลบ 223 เหตุการณ์ (38.3%) เชื้อที่พบบ่อยที่สุดคือ Escherichia coli 32.3% รองลงมาคือ เชื้อแบคทีเรียแกรมบวก 206 เหตุการณ์ (35.3%) เชื้อที่พบบ่อยที่สุดคือ Staphylococcus coagulase negative 35.4% มีผู้ป่วยตรวจไม่พบเชื้อ 141 เหตุการณ์ (24.2%) และติดเชื้อรา 13 เหตุการณ์ (2.2%) ตามลำดับ ผลการรักษาพบว่ามีการนำสายล้างไตออก 164 (28.2%) เหตุการณ์ และมีผู้ป่วยเสียชีวิตทั้งหมด 23 คน (3.9%) จากการวิเคราะห์แบบ multivariable analysis พบ 2 ปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์กับการนำสายล้างไตออกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติคือ ระดับ serum albumin (HR 0.51, p-value <0.01) และ การติดเชื้อรา (HR 2.68, p-value <0.01)
สรุปผล: จากระบาดวิทยาภาวะเยื่อบุช่องท้องติดเชื้อจากการล้างไตทางช่องท้องในการศึกษานี้พบการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบบ่อยที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และปัจจัยที่ส่งผลต่อการถอดสายล้างไตในการศึกษานี้คือการติดเชื้อราในช่องท้อง นอกจากนี้ระดับ serum albumin ที่ดีอาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงนี้ได้
เอกสารอ้างอิง
Tantivess S, Werayingyong P, Chuengsaman P, Teerawattananon Y. Universal coverage of renal dialysis in Thailand: Promise, progress, and prospects. BMJ 2013;346(1):1–6.
Akoh JA. Peritoneal dialysis associated infections: An update on diagnosis and management. World J Nephrol 2012; 1(4): 106.
De Vriese AS, Mortier S, Lameire NH. What happens to the peritoneal membrane in long-term peritoneal dialysis? Perit Dial Int 2001;21(SUPPL.3):12–5.
Davies SJ, Bryan J, Phillips L, Russell GI. Longitudinal changes in peritoneal kinetics: the effects of peritoneal dialysis and peritonitis. Nephrol Dial Transpl 1996;11(3):498–506.
Brown EA, Van Biesen W, Finkelstein FO, Hurst H, Johnson DW, Kawanishi H, et al. Length of time on peritoneal dialysis and encapsulating peritoneal sclerosis: position paper for ISPD. Perit Dial Int 2009;29(6):595–600.
Li PK, Szeto CC, Piraino B, Arteaga J De, Fan S, Figueiredo AE, et al. ISPD Guidelines/Recommendations ISPD Peritonitis Recommendations: 2016 Update on Prevention and Treatment. Perit Dial Int 2016;36(5):481-508.
Piyarat Rojsanga, Prognostic factors of refractory peritonitis in peritoneal dialysis patients. Udonthani hospitaal medical journal Vol.28 No.1 (January-April), 2020.
Tian Y, Xie X, Xiang S, Yang X, Zhang X, Shou Z, Chen J. Risk factors and outcomes of high peritonitis rate in continuous ambulatory peritoneal dialysis patients: A retrospective study. Medicine. 2016 Dec;95(49).
Chen HL, Tarng DC, Huang LH. Risk factors associated with outcomes of peritoneal dialysis in Taiwan: An analysis using a competing risk model. Medicine. 2019 Feb;98(6).
Prasad N, Gupta A, Sharma RK, Sinha A, Kumar R. Impact of nutritional status on peritonitis in CAPD patients. Peritoneal Dialysis International. 20007 Jan 1;27(1):42-7.
Krittapong Somboon, and Siriporn Kamsa-ard, Epidermiology and Treatment Outcome of Peritoneal Dialysis (PD)-Related Peritonitis. Mahasarakham hospital journal Vol.16 No.1 (January-April), 2019.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 Phakatip Suansuk, Voralak Vichapat, Suthasini Theanwan
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
Journal of TCI is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) licence, unless otherwise stated. Please read our Policies page for more information.
