เปรียบเทียบความแข็งแกร่งแรงดดั ของวัสดุบูรณะชั่วคราวอะครลิกเรซินชนิดบ่มตัวด้วยสารเคมีและวัสดุคอมโพสิตเรซินชนิดบิสเอคริลระหว่างกลุ่มที่เติมและ ไม่เติมสารเสริมแรงชนิดเส้นใยแก้ว
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบความแข็งแกร่งแรงดัดของวัสดุบูรณะโพลีเมทิล เมทาไครเลต (ยูนิฟาส) โพลีเอทิล
เมทาไครเลต (เดนทาลอน) และคอมโพสิตเรซินชนิดบิสเอคริล (โพรเทมโฟว์) ระหว่างกลุ่มที่เติมและไม่เติมสารเสริมแรงชนิดเส้นใยแก้ว (กลาสไฟเบอร์) ณ หลังวัสดุแข็งตัวโดยสมบูรณ์ทันที หลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 7 วัน และ 14 วัน เตรียมชิ้นตัวอย่างรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 25x2x2 มิลลิเมตร จากเบ้าโลหะที่เตรียมไว้ จำนวน 162 ชิ้น จากวัสดุ 3 ชนิด แบ่งชิ้นตัวอย่างเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 27 ชิ้น โดยใช้วิธี การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย แบ่งตามชนิดของวัสดุที่เติมสารเสริมแรงเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มที่ไม่เติมสารเสริมแรงเป็นกลุ่มควบคุม นำมาวัดค่าความแข็งแกร่งแรงดัดโดยวิธีดัด 3 จุด ด้วยเครื่องทดสอบแรงแบบสากลโดยใช้หัวกดที่มีความเร็ว 5 มิลลิเมตรต่อนาที และโหลดเซลล์ขนาด250 นิวตัน ทำการวัดหลังวัสดุก่อตัวสมบูรณ์ทันที หลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 7 วัน และหลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 14 วัน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใชส้ ถติ กิ ารวเิ คราะหค์ วามแปรปรวนสองทางและหาความแตกตา่ งระหว่างกลุ่มด้วยสถิติการทดสอบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยสองค่าที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระจากกัน จากการศึกษาโดยพิจารณาวัสดุทั้ง 3 ชนิดพบว่าค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งแรงดัดมากที่สุดคือ วัสดุบูรณะโพลีเมทิล เมทาไครเลต รองลงมาคือคอมโพสิตเรซินชนิดบิสเอคริลและ โพลีเอทิล เมทาไครเลต แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05)
ผลของปัจจัยสารเสริมแรงต่อค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งแรงดัดพบว่าการเติมสารเสริมแรงสามารถเพิ่มค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งแรงดัดแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) และค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งแรงดัด ระหว่างหลังวัสดุก่อตัวสมบูรณ์ทันทีกับหลังแช่น้ำลายเทียมเป็นเวลา 7 วัน และหลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 14 วันแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) และเมื่อพิจารณาปฎิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทั้ง 3 ปัจจัยพบว่ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างชนิดวัสดุ การเติมสารเสริมแรงและระยะเวลาทั้ง 3 ช่วง โดยการเติมสารเสริมแรงให้ค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งแรงดัดของวัสดุยูนิฟาสหลังก่อตัวสมบูรณ์เพิ่มขึ้นจาก 87.48±5.52 เมกะปาสคาล เป็น 97.12±5.54 เมกะปาสคาล หลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 7 วัน มีค่าเพิ่มขึ้นจาก 92.48±4.79 เมกะปาสคาล เป็น 118.32±5.60 เมกะปาสคาล และหลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 14 วัน เพิ่มขึ้นจาก 85.65±3.14 เมกะปาสคาล เป็น 129.51±5.58 เมกะปาสคาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ในทั้ง 3 ช่วงเวลา ค่าเฉลี่ย ความแข็งแกร่งแรงดัดของวัสดุเดนทาลอนที่เติมสารเสริมแรงก่อตัวสมบูรณ์เพิ่มขึ้นจาก 58.19±4.77 เมกะปาสคาล เป็น 89.52±5.81เมกะปาสคาล หลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 7 วัน เพิ่มขึ้นจาก 71.39±3.78 เมกะปาสคาล เป็น 77.24±4.92 เมกะปาสคาล และหลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 14 วัน เพิ่มขึ้นจาก 67.67±5.47 เมกะปาสคาล เป็น 77.21±5.51 เมกะปาสคาล โดยแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ณ วันที่ 0 และ 14 ค่าเฉลี่ยความแข็งแกร่งแรงดัดของวัสดุโพรเทมโฟว์ที่เติมสารเสริมแรงก่อตัวสมบูรณ์เพิ่มขึ้นจาก 63.84± 4.49 เมกะปาสคาล เป็น 64.42±4.56 เมกะปาสคาล หลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 7 วัน เพิ่มขึ้นจาก 89.61±4.69 เมกะปาสคาลเป็น 102.69±5.53 เมกะปาสคาล และหลังแช่นน้ำลายเทียมเป็นเวลา 14 วัน ลดลงจาก 110.25±5.59 เมกะปาสคาล เป็น 95.03±5.59 เมกะปาสคาล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ณ หลังแช่น้ำลายเทียม 7 วันเท่านั้น ดังนั้นจากการศึกษาสรุปว่าการเสริมแรงชนิดเส้นใยแก้วสามารถเพิ่มค่าความแข็งแกร่งแรงดัดให้กับวัสดุยูนิฟาสและวัสดุเดนทาลอนได้ แต่ในวัสดุโพรเทมโฟว์พบว่าการเติมสารเสริมแรงไม่มีผลในการเพิ่มค่าความแข็งแกร่งแรงดัด
Article Details
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ทีได้รับการลงตีพิมพ์ในวิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Luthardt RG, Stossel M, Hinz M, Vollandt R. Clinical performance and periodontal outcome of temporary crowns and fixed partial dentures: A randomized clinical trial. J Prosthet Dent 2000;83(1):32-9.
Balkenhol M, Mautner MC, Ferger P, Wostmann B. Mechanical properties of provisional crown and bridge materials: chemical-curing versus dual-curing systems. J Dent 2008;36(1):15-20.
Christensen GJ. Provisional restorations for fixed prosthodontics. J Am Dent Assoc 1996;127(2):249-52.
Hernandez EP, Oshida Y, Platt JA, et al. Mechanical properties of four methylmethacrylate-based resins for provisional fixed restorations. Biomed Mater Eng 2004;14(1):107-22.
Gratton DG, Aquilino SA. Interim restorations. Dent Clin North Am 2004;48(2):vii, 487-97.
Strassler HE. Fixed prosthodontics provisional materials: making the right selection. Compend Contin Educ Dent 2013;34(1):22-4, 26; quiz 28, 30.
Jo LJ, Shenoy KK, Shetty S. Flexural strength and hardness of resins for interim fixed partial dentures. Indian J Dent Res 2011;22(1):71-6.
Hazelton LR, Nicholls JI, Brudvik JS, Daly CH. Influence of reinforcement design on the loss of marginal seal of provisional fixed partial dentures. Int J Prosthodont 1995;8(6):572-9.
Vallittu PK. Comparison of the in vitro fatigue resistance of an acrylic resin removable partial denture reinforced with continuous glass fibers or metal wires. J Prosthodont 1996;5(2):115-21.
Vallittu PK. Comparison of two different silane compounds used for improving adhesion between fibres and acrylic denture base material. J Oral Rehabil 1993;20(5):533-9.
Pollack RP. Non-crown and bridge stabilization of severely mobile, periodontally involved teeth. A 25-year perspective. Dent Clin North Am 1999;43(1):77-103.
Osman YI, Owen CP. Flexural strength of provisional restorative materials. J Prosthet Dent 1993;70(1):94-6.
New American Dental Association specification no. 27 for direct filling resins. Council on Dental Materials and Devices. J Am Dent Assoc 1977;94(6):1191-4.
Al Twal EQ, Chadwick RG. Fibre reinforcement of two temporary composite bridge materials--effect upon flexural properties. J Dent 2012;40(12):1044-51.
Fahmy NZ, Sharawi A. Effect of two methods of reinforcement on the fracture strength of interim fixed partial dentures. J Prosthodont 2009;18(6):512-20.
Lang R, Rosentritt M, Behr M, Handel G. Fracture resistance of PMMA and resin matrix composite-based interim FPD materials. Int J Prosthodont 2003;16(4):381-4.
Floyd CJ, Dickens SH. Network structure of Bis-GMA- and UDMA-based resin systems. Dent Mater 2006;22(12):1143-9.
Ewoldsen N, Sundar V, Bennett W, Kanya K, Magyar K. Clinical evaluation of a visible light-cured indirect composite for long-term provisionalization. J Clin Dent 2008;19(1):37-41.
Poonacha V, Poonacha S, Salagundi B, Rupesh PL, Raghavan R. In vitro comparison of flexural strength and elastic modulus of three provisional crown materials used in fixed prosthodontics. J Clin Exp Dent 2013;5(5):e212-7.
Samadzadeh A, Kugel G, Hurley E, Aboushala A. Fracture strengths of provisional restorations reinforced with plasma-treated woven polyethylene fiber. J Prosthet Dent 1997;78(5):447-50.